เมื่อพูดถึง “ประกันรถยนต์” หลายคนมักจะสับสนว่าจะเลือกทำประกันชั้นไหนดีระหว่างประกันชั้น 1 และชั้น 2+ เพราะทั้งสองรูปแบบต่างก็มีจุดเด่นและจุดด้อยที่แตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะผู้ที่มีงบประมาณจำกัด หรือเพิ่งออกรถใหม่ ก็อาจลังเลกับทางเลือกนี้
ในบทความนี้ เราจะพาคุณมาทำความเข้าใจข้อแตกต่างระหว่างประกันรถยนต์ชั้น 1 และชั้น 2+ พร้อมแนะนำแนวทางการเลือกให้เหมาะกับการใช้งาน ไลฟ์สไตล์ และงบประมาณของคุณ เพื่อให้คุณตัดสินใจเลือกประกันได้อย่างมั่นใจและคุ้มค่าที่สุด
ทำความรู้จักกับประกันรถยนต์ชั้น 1 และชั้น 2+
ประกันรถยนต์ชั้น 1 และชั้น 2+ เป็นรูปแบบประกันภาคสมัครใจที่นิยมในประเทศไทย โดยมีลักษณะการคุ้มครองที่แตกต่างกันดังนี้:
ประกันรถยนต์ชั้น 1:
- คุ้มครองรถของผู้เอาประกันในทุกกรณี ทั้งอุบัติเหตุที่มีคู่กรณีหรือไม่มีคู่กรณี
- คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สิน บุคคลภายนอก และรถของผู้เอาประกันเอง
- คุ้มครองกรณีรถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม
- เหมาะสำหรับรถใหม่ หรือผู้ที่ต้องการความคุ้มครองสูงสุด
ประกันรถยนต์ชั้น 2+:
- คุ้มครองในกรณีที่มีคู่กรณีและทราบทะเบียนรถของคู่กรณีเท่านั้น
- คุ้มครองความเสียหายจากรถชน รถหาย และไฟไหม้
- ไม่คุ้มครองอุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณี หรือกรณีเฉี่ยวชนแล้วหนี
- เหมาะสำหรับรถที่มีอายุเกิน 5 ปี หรือต้องการประหยัดค่าเบี้ยประกัน
เปรียบเทียบความคุ้มครองของประกันรถยนต์ชั้น 1 และ 2+
การเลือกประกันที่เหมาะสมควรดูจากความคุ้มครองที่ได้รับเป็นสำคัญ ซึ่งสามารถสรุปเปรียบเทียบได้ดังนี้:
รายการคุ้มครอง | ประกันชั้น 1 | ประกันชั้น 2+ |
คุ้มครองรถของผู้เอาประกัน (กรณีไม่มีคู่กรณี) | ✅ | ❌ |
คุ้มครองรถของผู้เอาประกัน (กรณีมีคู่กรณี) | ✅ | ✅ |
รถหาย/ไฟไหม้ | ✅ | ✅ |
ค่ารักษาพยาบาลผู้ขับขี่และผู้โดยสาร | ✅ | ✅ |
ค่าประกันตัวผู้ขับขี่ | ✅ | ✅ |
ค่าเสียหายทรัพย์สินบุคคลภายนอก | ✅ | ✅ |
ความเสียหายจากภัยธรรมชาติ (ขึ้นอยู่กับบริษัท) | ✅* | ✅* |
✅* = ต้องตรวจสอบรายละเอียดแต่ละบริษัทประกันอีกครั้ง
จะเห็นได้ว่าประกันชั้น 1 คุ้มครองครอบคลุมกว่าอย่างชัดเจน แต่ก็แลกมาด้วยเบี้ยประกันที่สูงกว่า ในขณะที่ประกันชั้น 2+ คุ้มครองเฉพาะกรณีหลัก ๆ และมีข้อจำกัดเรื่องอุบัติเหตุไม่มีคู่กรณี
ใครควรเลือกประกันชั้น 1 และใครเหมาะกับชั้น 2+
การเลือกประกันรถยนต์ควรพิจารณาจากพฤติกรรมการขับขี่ ประเภทของรถ และงบประมาณ โดยเราสามารถแบ่งกลุ่มที่เหมาะกับแต่ละประเภทของประกันได้ดังนี้:
ผู้ที่เหมาะกับประกันรถยนต์ชั้น 1:
- รถยนต์ใหม่ป้ายแดงหรืออายุไม่เกิน 5 ปี
- ขับขี่ในเมืองใหญ่ การจราจรหนาแน่น มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูง
- ต้องการความมั่นใจและลดความเสี่ยงในทุกกรณี
- ผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ขับรถมากนัก หรือขับขี่ไม่มั่นใจ
- รถยนต์ราคาแพงที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ
ผู้ที่เหมาะกับประกันรถยนต์ชั้น 2+:
- รถยนต์ที่มีอายุ 6 ปีขึ้นไป
- ผู้ขับขี่มีประสบการณ์และขับขี่อย่างระมัดระวัง
- ใช้รถไม่บ่อย เช่น ขับเฉพาะวันหยุด
- มีงบประมาณจำกัดแต่ยังต้องการความคุ้มครองในระดับหนึ่ง
- ไม่ต้องการจ่ายเบี้ยสูง แต่ก็ไม่ต้องการประกันชั้น 3 เท่านั้น
ค่าเบี้ยประกันรถยนต์ แตกต่างกันแค่ไหน?
เบี้ยประกันเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้หลายคนลังเลว่าจะเลือกชั้นไหนดี โดยทั่วไปแล้ว:
- เบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 1: เริ่มต้นที่ประมาณ 10,000 – 30,000 บาทต่อปี ขึ้นอยู่กับรุ่นรถ ยี่ห้อ อายุรถ และผู้ขับขี่
- เบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 2+: เริ่มต้นที่ประมาณ 6,000 – 12,000 บาทต่อปี ซึ่งถูกกว่าชั้น 1 อย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้ หลายบริษัทประกันยังมีโปรโมชั่นหรือสิทธิพิเศษ เช่น
- ผ่อน 0% สูงสุด 10-12 เดือน
- ส่วนลดประวัติดี (ไม่มีเคลม)
- แถมประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล หรือบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน
เลือกบริษัทประกันให้เหมาะสมและมั่นใจ
เมื่อคุณตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือกประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือ 2+ ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกบริษัทประกันที่มีความน่าเชื่อถือ บริการหลังการขายดี และมีรีวิวเชิงบวกจากผู้ใช้จริง
บริษัท เพื่อนแท้ เงินด่วน จำกัด นอกจากให้บริการด้านสินเชื่อโฉนดที่ดินแล้ว ยังเป็นตัวกลางช่วยลูกค้าเลือกประกันรถยนต์ชั้นนำจากหลายบริษัท พร้อมบริการผ่อนเงินสด 0% สูงสุด 12 งวด เพื่อช่วยให้ลูกค้าจ่ายเบี้ยประกันได้สะดวกมากขึ้น
หากคุณไม่แน่ใจว่าประกันแบบใดเหมาะกับคุณ ทาง “เพื่อนแท้” ก็มีทีมผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำแนะนำอย่างตรงไปตรงมา พร้อมเปรียบเทียบข้อเสนอจากหลายบริษัทเพื่อให้ได้แผนประกันที่คุ้มค่าที่สุด
สรุป
การเลือก “ประกันรถยนต์” ไม่มีแบบไหนดีที่สุดในภาพรวม เพราะขึ้นอยู่กับความต้องการและสถานการณ์ของผู้ใช้แต่ละคน
- หากคุณต้องการความคุ้มครองสูงสุด ไม่ต้องกังวลแม้เกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี และมีงบประมาณเพียงพอ ประกันชั้น 1 คือตัวเลือกที่ดีที่สุด
- หากคุณต้องการคุ้มครองเฉพาะกรณีจำเป็น มีคู่กรณีแน่นอน และต้องการควบคุมค่าใช้จ่าย ประกันชั้น 2+ ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลว
สุดท้าย อย่าลืมตรวจสอบรายละเอียดกรมธรรม์ของแต่ละบริษัทก่อนตัดสินใจ และหากคุณต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม ทั้งเรื่องสินเชื่อและประกันภัย ติดต่อ “บริษัท เพื่อนแท้ เงินด่วน จำกัด” ได้เลย เราพร้อมเป็นเพื่อนแท้ทางการเงินของคุณในทุกเส้นทาง






