หลายคนที่กำลังมองหาการทำ ประกันรถยนต์ มักจะรู้จักเพียงประกันชั้น 1 ซึ่งครอบคลุมมากที่สุด แต่ก็มีค่าเบี้ยที่สูงตามไปด้วย ในความเป็นจริงแล้ว ประกันรถยนต์มีหลายประเภท โดยหนึ่งในนั้นคือ ประกันชั้น 2 ที่ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะมีความคุ้มครองครอบคลุมในระดับที่เหมาะสม ค่าเบี้ยไม่แพงจนเกินไป และตอบโจทย์สำหรับผู้ขับขี่ที่ไม่ได้ต้องการความคุ้มครองเต็มรูปแบบเหมือนชั้น 1
บทความนี้จะพาผู้อ่านมาทำความเข้าใจว่า ประกันชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้าง และเหมาะกับใคร เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจเลือกซื้อประกันรถยนต์ให้ตรงกับความต้องการและงบประมาณของแต่ละคน
ความหมายและลักษณะของประกันรถยนต์ชั้น 2
ประกันรถยนต์ชั้น 2 คือการประกันภัยรถยนต์ที่จัดอยู่ในกลุ่ม “ความคุ้มครองพื้นฐานบวกความคุ้มครองเพิ่มเติม” โดยมีรายละเอียดที่แตกต่างจากชั้น 1 และชั้น 3 ดังนี้
- ไม่ครอบคลุมความเสียหายต่อตัวรถของผู้เอาประกันเอง (ยกเว้นกรณีไฟไหม้หรือสูญหาย)
- หมายความว่า หากผู้เอาประกันขับรถชนเสา ชนกำแพง หรือเกิดอุบัติเหตุโดยไม่มีคู่กรณี บริษัทประกันจะไม่รับผิดชอบค่าซ่อมรถให้
- คุ้มครองความเสียหายที่เกิดกับคู่กรณีเสมอ
- ครอบคลุมทั้งชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
- คุ้มครองในกรณีรถสูญหายหรือไฟไหม้
- ข้อนี้ถือเป็นจุดเด่นที่แตกต่างจากประกันชั้น 3 เพราะชั้น 3 ไม่ครอบคลุมความเสียหายจากการโจรกรรมหรือไฟไหม้
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและอุบัติเหตุส่วนบุคคล
- รวมถึงการประกันตัวผู้ขับขี่กรณีคดีอาญาอันเนื่องจากอุบัติเหตุ
โดยสรุปแล้ว ประกันชั้น 2 จะให้ความคุ้มครองที่ “มากกว่าชั้น 3 แต่ไม่มากเท่าชั้น 1” จึงเป็นระดับกลางที่หลายคนเลือกเมื่อไม่ต้องการจ่ายเบี้ยสูง
ความคุ้มครองหลักของประกันรถยนต์ชั้น 2
การเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 2 ผู้เอาประกันจะได้รับความคุ้มครองดังต่อไปนี้
- ความเสียหายต่อชีวิตและร่างกายของบุคคลภายนอก
- ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล หรือค่าชดเชยหากมีการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ
- ความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
- เช่น การชนรถคันอื่น บ้านเรือน รั้ว หรือสิ่งก่อสร้างที่ไม่ใช่ของผู้เอาประกัน
- ความเสียหายจากการโจรกรรมและไฟไหม้
- หากรถถูกขโมย ถูกปล้น หรือติดไฟไหม้ บริษัทประกันจะชดเชยตามวงเงินที่กำหนด
- ค่ารักษาพยาบาลและอุบัติเหตุส่วนบุคคล
- ครอบคลุมผู้ขับขี่และผู้โดยสารในรถ
- การประกันตัวผู้ขับขี่กรณีเกิดคดีอาญา
- เช่น กรณีอุบัติเหตุรุนแรงที่มีการบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
- ไม่คุ้มครองความเสียหายของรถผู้เอาประกันในกรณีไม่มีคู่กรณี
- นี่คือข้อจำกัดหลักของประกันชั้น 2
เปรียบเทียบประกันชั้น 2 กับประกันประเภทอื่น
เพื่อให้เข้าใจชัดเจนขึ้น มาดูกันว่า ประกันชั้น 2 แตกต่างจากประกันรถยนต์ประเภทอื่นอย่างไร
- เทียบกับชั้น 1
- ชั้น 1 ครอบคลุมเกือบทุกกรณี ทั้งการชนเอง มีคู่กรณี ไฟไหม้ สูญหาย
- ชั้น 2 จะครอบคลุมเฉพาะเมื่อมีคู่กรณี และกรณีไฟไหม้ สูญหาย
- เทียบกับชั้น 2+
- ชั้น 2+ เป็นการพัฒนาเพิ่มเติม โดยครอบคลุมการชนแบบมีคู่กรณีเช่นเดียวกับชั้น 1 แต่ไม่ครอบคลุมการชนสิ่งไม่มีชีวิต เช่น เสาไฟ
- ชั้น 2 จะไม่ครอบคลุมความเสียหายรถของผู้เอาประกันเอง
- เทียบกับชั้น 3
- ชั้น 3 ไม่ครอบคลุมกรณีสูญหายหรือไฟไหม้ ในขณะที่ชั้น 2 ครอบคลุม
- ดังนั้นชั้น 2 เหมาะกับผู้ที่ต้องการความอุ่นใจมากกว่าชั้น 3
- เทียบกับชั้น 3+
- ชั้น 3+ ครอบคลุมมากกว่าชั้น 3 เพราะคุ้มครองรถผู้เอาประกันกรณีชนกับรถยนต์ด้วยกัน
- ส่วนชั้น 2 มีข้อได้เปรียบคือครอบคลุมกรณีสูญหายและไฟไหม้ ซึ่งชั้น 3+ ไม่ครอบคลุม
ประกันชั้น 2 เหมาะกับใคร
การเลือกทำประกันชั้น 2 จะเหมาะสมกับผู้ใช้รถกลุ่มดังต่อไปนี้
- ผู้ที่ใช้รถไม่บ่อย
- ขับรถเฉพาะในเมืองหรือระยะทางใกล้ ๆ ความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุน้อย
- ผู้ที่มีที่จอดรถปลอดภัย
- ลดโอกาสการโจรกรรมหรือความเสียหายจากภายนอก
- ผู้ที่ต้องการประหยัดค่าเบี้ยประกัน
- ค่าเบี้ยของชั้น 2 ถูกกว่าชั้น 1 แต่ยังให้ความคุ้มครองกรณีรถหายหรือไฟไหม้
- เจ้าของรถที่มีอายุการใช้งานหลายปี
- รถที่มีมูลค่าตลาดไม่สูงนัก ทำประกันชั้น 1 อาจไม่คุ้มค่า
- ผู้ที่ต้องการคุ้มครองกรณีรถสูญหายและไฟไหม้
- เพราะนี่คือข้อได้เปรียบของชั้น 2 ที่ชั้น 3 ไม่มี
เคล็ดลับการเลือกประกันชั้น 2 ให้คุ้มค่า
เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการทำ ประกันรถยนต์ชั้น 2 ผู้เอาประกันควรพิจารณาตามปัจจัยดังนี้
- เปรียบเทียบราคาเบี้ยจากหลายบริษัท
- ค่าเบี้ยของแต่ละบริษัทมีความแตกต่าง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและโปรโมชั่น
- ตรวจสอบเงื่อนไขความคุ้มครองอย่างละเอียด
- เช่น วงเงินคุ้มครองคู่กรณี ค่ารักษาพยาบาล และการคุ้มครองกรณีไฟไหม้
- เลือกบริษัทที่มีบริการเคลมดี
- ความรวดเร็วและความน่าเชื่อถือในการเคลมถือเป็นปัจจัยสำคัญ
- พิจารณาความคุ้มครองพิเศษเพิ่มเติม
- เช่น บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน หรือรถใช้ระหว่างซ่อม
- เลือกตามการใช้งานจริง
- หากใช้รถน้อยและต้องการความคุ้มครองเฉพาะกรณีสำคัญ ชั้น 2 เป็นทางเลือกที่เหมาะสม
สรุป
ประกันรถยนต์ชั้น 2 เป็นตัวเลือกที่อยู่กึ่งกลางระหว่างชั้น 1 และชั้น 3 โดยให้ความคุ้มครองคู่กรณี คุ้มครองกรณีรถสูญหายหรือไฟไหม้ รวมถึงค่ารักษาพยาบาลและการประกันตัวผู้ขับขี่ แต่จะไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดกับรถผู้เอาประกันเองหากไม่มีคู่กรณี เหมาะกับผู้ที่ขับรถไม่บ่อย ต้องการประหยัดค่าเบี้ย และมีความเสี่ยงใช้งานไม่สูง
หากคุณกำลังมองหาทางเลือกที่คุ้มค่า ประกันชั้น 2 คือคำตอบที่ลงตัว เพราะช่วยให้คุณอุ่นใจในราคาที่เข้าถึงได้ โดยไม่จำเป็นต้องจ่ายเบี้ยสูงเหมือนชั้น 1 แต่ยังได้ความคุ้มครองที่จำเป็นและครอบคลุมในกรณีสำคัญที่สุด






