ประกันชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้าง เหมาะกับใคร

ประกันชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้าง เหมาะกับใคร

    หลายคนที่กำลังมองหาการทำ ประกันรถยนต์ มักจะรู้จักเพียงประกันชั้น ซึ่งครอบคลุมมากที่สุด แต่ก็มีค่าเบี้ยที่สูงตามไปด้วย ในความเป็นจริงแล้ว ประกันรถยนต์มีหลายประเภท โดยหนึ่งในนั้นคือ ประกันชั้น 2 ที่ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะมีความคุ้มครองครอบคลุมในระดับที่เหมาะสม ค่าเบี้ยไม่แพงจนเกินไป และตอบโจทย์สำหรับผู้ขับขี่ที่ไม่ได้ต้องการความคุ้มครองเต็มรูปแบบเหมือนชั้น 1 

    บทความนี้จะพาผู้อ่านมาทำความเข้าใจว่า ประกันชั้น คุ้มครองอะไรบ้าง และเหมาะกับใคร เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจเลือกซื้อประกันรถยนต์ให้ตรงกับความต้องการและงบประมาณของแต่ละคน 

ความหมายและลักษณะของประกันรถยนต์ชั้น 2

ความหมายและลักษณะของประกันรถยนต์ชั้น 2

ประกันรถยนต์ชั้น คือการประกันภัยรถยนต์ที่จัดอยู่ในกลุ่ม “ความคุ้มครองพื้นฐานบวกความคุ้มครองเพิ่มเติม” โดยมีรายละเอียดที่แตกต่างจากชั้น และชั้น ดังนี้ 

  1. ไม่ครอบคลุมความเสียหายต่อตัวรถของผู้เอาประกันเอง (ยกเว้นกรณีไฟไหม้หรือสูญหาย) 
    • หมายความว่า หากผู้เอาประกันขับรถชนเสา ชนกำแพง หรือเกิดอุบัติเหตุโดยไม่มีคู่กรณี บริษัทประกันจะไม่รับผิดชอบค่าซ่อมรถให้ 
  2. คุ้มครองความเสียหายที่เกิดกับคู่กรณีเสมอ 
    • ครอบคลุมทั้งชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สินของบุคคลภายนอก 
  3. คุ้มครองในกรณีรถสูญหายหรือไฟไหม้ 
    • ข้อนี้ถือเป็นจุดเด่นที่แตกต่างจากประกันชั้น เพราะชั้น ไม่ครอบคลุมความเสียหายจากการโจรกรรมหรือไฟไหม้ 
  4. คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและอุบัติเหตุส่วนบุคคล 
    • รวมถึงการประกันตัวผู้ขับขี่กรณีคดีอาญาอันเนื่องจากอุบัติเหตุ 

โดยสรุปแล้ว ประกันชั้น จะให้ความคุ้มครองที่ “มากกว่าชั้น แต่ไม่มากเท่าชั้น 1” จึงเป็นระดับกลางที่หลายคนเลือกเมื่อไม่ต้องการจ่ายเบี้ยสูง 

ความคุ้มครองหลักของประกันรถยนต์ชั้น 2

ความคุ้มครองหลักของประกันรถยนต์ชั้น 2

การเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น ผู้เอาประกันจะได้รับความคุ้มครองดังต่อไปนี้ 

  1. ความเสียหายต่อชีวิตและร่างกายของบุคคลภายนอก 
    • ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล หรือค่าชดเชยหากมีการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ 
  2. ความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก 
    • เช่น การชนรถคันอื่น บ้านเรือน รั้ว หรือสิ่งก่อสร้างที่ไม่ใช่ของผู้เอาประกัน 
  3. ความเสียหายจากการโจรกรรมและไฟไหม้ 
    • หากรถถูกขโมย ถูกปล้น หรือติดไฟไหม้ บริษัทประกันจะชดเชยตามวงเงินที่กำหนด 
  4. ค่ารักษาพยาบาลและอุบัติเหตุส่วนบุคคล 
    • ครอบคลุมผู้ขับขี่และผู้โดยสารในรถ 
  5. การประกันตัวผู้ขับขี่กรณีเกิดคดีอาญา 
    • เช่น กรณีอุบัติเหตุรุนแรงที่มีการบาดเจ็บหรือเสียชีวิต 
  6. ไม่คุ้มครองความเสียหายของรถผู้เอาประกันในกรณีไม่มีคู่กรณี 
    • นี่คือข้อจำกัดหลักของประกันชั้น 2 
เปรียบเทียบประกันชั้น 2 กับประกันประเภทอื่น

เปรียบเทียบประกันชั้น 2 กับประกันประเภทอื่น

เพื่อให้เข้าใจชัดเจนขึ้น มาดูกันว่า ประกันชั้น แตกต่างจากประกันรถยนต์ประเภทอื่นอย่างไร 

  • เทียบกับชั้น 1 
    • ชั้น ครอบคลุมเกือบทุกกรณี ทั้งการชนเอง มีคู่กรณี ไฟไหม้ สูญหาย 
    • ชั้น จะครอบคลุมเฉพาะเมื่อมีคู่กรณี และกรณีไฟไหม้ สูญหาย 
  • เทียบกับชั้น 2+ 
    • ชั้น 2+ เป็นการพัฒนาเพิ่มเติม โดยครอบคลุมการชนแบบมีคู่กรณีเช่นเดียวกับชั้น แต่ไม่ครอบคลุมการชนสิ่งไม่มีชีวิต เช่น เสาไฟ 
    • ชั้น จะไม่ครอบคลุมความเสียหายรถของผู้เอาประกันเอง 
  • เทียบกับชั้น 3 
    • ชั้น ไม่ครอบคลุมกรณีสูญหายหรือไฟไหม้ ในขณะที่ชั้น ครอบคลุม 
    • ดังนั้นชั้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการความอุ่นใจมากกว่าชั้น 3 
  • เทียบกับชั้น 3+ 
    • ชั้น 3+ ครอบคลุมมากกว่าชั้น เพราะคุ้มครองรถผู้เอาประกันกรณีชนกับรถยนต์ด้วยกัน 
    • ส่วนชั้น มีข้อได้เปรียบคือครอบคลุมกรณีสูญหายและไฟไหม้ ซึ่งชั้น 3+ ไม่ครอบคลุม 
ประกันชั้น 2 เหมาะกับใคร

ประกันชั้น 2 เหมาะกับใคร

การเลือกทำประกันชั้น จะเหมาะสมกับผู้ใช้รถกลุ่มดังต่อไปนี้ 

  1.   ผู้ที่ใช้รถไม่บ่อย 
    • ขับรถเฉพาะในเมืองหรือระยะทางใกล้ ๆ ความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุน้อย 
  2.   ผู้ที่มีที่จอดรถปลอดภัย 
    • ลดโอกาสการโจรกรรมหรือความเสียหายจากภายนอก 
  3.   ผู้ที่ต้องการประหยัดค่าเบี้ยประกัน 
    • ค่าเบี้ยของชั้น ถูกกว่าชั้น แต่ยังให้ความคุ้มครองกรณีรถหายหรือไฟไหม้ 
  4.   เจ้าของรถที่มีอายุการใช้งานหลายปี 
    • รถที่มีมูลค่าตลาดไม่สูงนัก ทำประกันชั้น อาจไม่คุ้มค่า 
  5.   ผู้ที่ต้องการคุ้มครองกรณีรถสูญหายและไฟไหม้ 
    • เพราะนี่คือข้อได้เปรียบของชั้น ที่ชั้น ไม่มี 
เคล็ดลับการเลือกประกันชั้น 2 ให้คุ้มค่า

เคล็ดลับการเลือกประกันชั้น 2 ให้คุ้มค่า

เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการทำ ประกันรถยนต์ชั้น 2 ผู้เอาประกันควรพิจารณาตามปัจจัยดังนี้ 

  1. เปรียบเทียบราคาเบี้ยจากหลายบริษัท 
    • ค่าเบี้ยของแต่ละบริษัทมีความแตกต่าง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและโปรโมชั่น 
  2. ตรวจสอบเงื่อนไขความคุ้มครองอย่างละเอียด 
    • เช่น วงเงินคุ้มครองคู่กรณี ค่ารักษาพยาบาล และการคุ้มครองกรณีไฟไหม้ 
  3. เลือกบริษัทที่มีบริการเคลมดี 
    • ความรวดเร็วและความน่าเชื่อถือในการเคลมถือเป็นปัจจัยสำคัญ 
  4. พิจารณาความคุ้มครองพิเศษเพิ่มเติม 
    • เช่น บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน หรือรถใช้ระหว่างซ่อม 
  5. เลือกตามการใช้งานจริง 
    • หากใช้รถน้อยและต้องการความคุ้มครองเฉพาะกรณีสำคัญ ชั้น เป็นทางเลือกที่เหมาะสม 

สรุป

    ประกันรถยนต์ชั้น 2 เป็นตัวเลือกที่อยู่กึ่งกลางระหว่างชั้น และชั้น โดยให้ความคุ้มครองคู่กรณี คุ้มครองกรณีรถสูญหายหรือไฟไหม้ รวมถึงค่ารักษาพยาบาลและการประกันตัวผู้ขับขี่ แต่จะไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดกับรถผู้เอาประกันเองหากไม่มีคู่กรณี เหมาะกับผู้ที่ขับรถไม่บ่อย ต้องการประหยัดค่าเบี้ย และมีความเสี่ยงใช้งานไม่สูง 

    หากคุณกำลังมองหาทางเลือกที่คุ้มค่า ประกันชั้น คือคำตอบที่ลงตัว เพราะช่วยให้คุณอุ่นใจในราคาที่เข้าถึงได้ โดยไม่จำเป็นต้องจ่ายเบี้ยสูงเหมือนชั้น แต่ยังได้ความคุ้มครองที่จำเป็นและครอบคลุมในกรณีสำคัญที่สุด 

เพื่อนแท้ เงินด่วน

บทความยอดนิยม