ประกันรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ต้องซื้อแบบไหน

ประกันรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ต้องซื้อแบบไหนShape

    รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) กลายเป็นเทรนด์หลักของผู้ใช้รถในประเทศไทยอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุผลด้านความประหยัด ค่าซ่อมบำรุงที่ต่ำกว่า และความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม แต่เมื่อมีรถแล้ว สิ่งสำคัญที่เจ้าของรถ EV ต้องรู้คือ “จะเลือกซื้อประกันรถยนต์แบบไหนดี” เพราะเบี้ย ความคุ้มครอง และความเสี่ยงของรถ EV มีความแตกต่างจากรถใช้น้ำมันอย่างเห็นได้ชัด การทำประกันรถยนต์ที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายได้มากในอนาคต 

    ในบทความนี้จะพาเจาะลึกว่า ประกันรถยนต์ EV ต้องเลือกแบบไหน ควรเช็กอะไรบ้าง และประกันแบบใดคุ้มที่สุด รวมถึงเคล็ดลับจัดการค่าใช้จ่ายเพื่อไม่ให้เป็นภาระหนัก พร้อมข้อมูลบริการสินเชื่อโฉนดที่ดินจาก บริษัท เพื่อนแท้ เงินด่วน ที่ช่วยเสริมสภาพคล่องด้านค่าใช้จ่ายรถได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย 

ทำไมรถ EV ต้องเลือกประกันรถยนต์ให้เหมาะสม

ทำไมรถ EV ต้องเลือกประกันรถยนต์ให้เหมาะสม

แม้รถยนต์ไฟฟ้าจะมีโครงสร้างเรียบง่ายกว่า ไม่มีเครื่องยนต์ซับซ้อน แต่ก็มีความเสี่ยงเฉพาะที่ต่างจากรถน้ำมัน เช่น 

 

  1. ราคาซ่อมสูงกว่า อุปกรณ์หลักอย่างแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชุดควบคุมไฟฟ้า มีราคาสูงมาก หากเกิดอุบัติเหตุหรือไฟไหม้ เบิกค่าซ่อมแต่ละครั้งอาจเป็นหลักแสนถึงหลักล้าน จึงจำเป็นต้องเลือกประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครองอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างครอบคลุม 

 

  1. ความเสี่ยงจากไฟฟ้าแรงสูง รถ EV ใช้ระบบไฟฟ้าพลังงานสูง ทำให้มีความเสี่ยงเรื่องไฟลุกไหม้จากแบตเตอรี่ การกระแทก หรือความชื้น ประกันรถยนต์แบบทั่วไปอาจไม่ครอบคลุม ต้องตรวจสอบเงื่อนไขคุ้มครองไฟไหม้ แบตเตอรี่ และอุปกรณ์ EV เป็นพิเศษ 

 

  1. ค่าอะไหล่ต้องนำเข้า อะไหล่หลายชิ้นของรถ EV ยังต้องสั่งจากต่างประเทศ ทำให้ราคาสูงและใช้เวลาซ่อมนาน การเลือกประกันรถยนต์ที่มีศูนย์ซ่อมหรืออู่ในเครือที่เชี่ยวชาญ EV จึงจำเป็นมาก 

 

  1. ความคุ้มครองต้องเฉพาะทาง บริษัทประกันบางแห่งเริ่มมีแพ็กเกจเฉพาะ EV เช่น คุ้มครองชาร์จไฟ, คุ้มครองสายชาร์จ, น้ำท่วมแบตเตอรี่ และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินเฉพาะรถไฟฟ้า หากเลือกไม่ตรงรุ่น อาจเสียประโยชน์ในอนาคต 

ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ ทำให้การเลือกประกันรถยนต์ EV ต้องละเอียดกว่าปกติ เพื่อป้องกันความเสี่ยงค่าใช้จ่ายสูงเมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด 

ประกันรถยนต์ EV มีกี่แบบ และต่างจากรถใช้น้ำมันอย่างไร

ประกันรถยนต์ EV มีกี่แบบ และต่างจากรถใช้น้ำมันอย่างไร

ในตลาดปัจจุบัน ประกันรถยนต์สามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลักเหมือนกันทั้งรถน้ำมันและรถ EV แต่ความคุ้มครองแตกต่างกันในรายละเอียดดังนี้ 

 

1.ประกันรถยนต์ชั้น 1 (เหมาะที่สุดสำหรับ EV)

คุ้มครองครบที่สุด ทั้งรถชน รถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม และความเสียหายส่วนบุคคล 
สำหรับรถ EV ประกันชั้น 1 มักคุ้มครองเพิ่มเติม เช่น 

  • ความเสียหายแบตเตอรี่จากอุบัติเหตุ 
  • ไฟลุกไหม้จากระบบไฟฟ้า 
  • ความเสียหายจากการชาร์จไฟ 
  • อุปกรณ์ EV และกล่องควบคุม 

ค่าเบี้ยจะสูงกว่ารถน้ำมันเล็กน้อย เนื่องจากอะไหล่ราคาแพงกว่า 

 

2.ประกันรถยนต์ชั้น 2+

คุ้มครองเฉพาะกรณีชนกับรถเท่านั้น รวมถึงไฟไหม้และรถหาย 
เหมาะกับผู้ที่ใช้งานน้อย ขับดี และต้องการลดต้นทุน 
แต่สำหรับรถ EV มักไม่คุ้ม เพราะไม่คุ้มครองการเสียหายแบตเตอรี่จากอุบัติเหตุเล็กน้อย 

 

3.ประกันรถยนต์ชั้น 3+

คุ้มครองเฉพาะอุบัติเหตุที่เป็นการชนกับ “รถคันอื่น” 
สำหรับ EV ความคุ้มครองไม่ครอบคลุมส่วนสำคัญอย่างระบบไฟฟ้า จึงไม่แนะนำ 

 

4.ประกันรถยนต์ชั้น 3

ดูแลเฉพาะค่าเสียหายคู่กรณี ไม่คุ้มครองรถตัวเอง 
รถ EV มีอะไหล่ราคาสูง หากเกิดเหตุ แม้เพียงเล็กน้อย เจ้าของต้องรับภาระเองทั้งหมด ทำให้ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง 

สรุป: รถยนต์ไฟฟ้าเหมาะกับ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่มี “แพ็กเกจเฉพาะ EV” มากที่สุด เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงด้านระบบไฟฟ้าราคาแพง 

เช็กอะไรบ้างก่อนซื้อประกันรถยนต์สำหรับ EV

เช็กอะไรบ้างก่อนซื้อประกันรถยนต์สำหรับ EV

ก่อนตัดสินใจซื้อประกันรถยนต์ EV มีรายละเอียดที่ควรเช็กอย่างละเอียด ดังนี้ 

 

  1. คุ้มครองแบตเตอรี่หรือไม่

แบตเตอรี่ EV คือหัวใจหลักราคาหลักแสนขึ้นไป ต้องตรวจสอบว่า 

  • คุ้มครองกรณีแบตเตอรี่เสียหายจากอุบัติเหตุหรือไม่ 
  • คุ้มครองไฟลุกไหม้หรือไม่ 
  • มีเงื่อนไขจำกัดอายุแบตเตอรี่หรือไม่ 

บางบริษัทประกันคุ้มครองเฉพาะอุบัติเหตุเท่านั้น ไม่ครอบคลุมเสื่อมสภาพตามการใช้งาน 

 

  1. คุ้มครองสายชาร์จและแท่นชาร์จ (Wall Charger)

ของเหล่านี้ราคาหลายหมื่น หากได้รับความเสียหายจากไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟไหม้ อาจเป็นค่าใช้จ่ายที่สูง 
แพ็กเกจเฉพาะ EV มักครอบคลุมส่วนนี้ 

 

  1. คุ้มครองในสถานีชาร์จหรือไม่

รถ EV ใช้สถานีชาร์จสาธารณะบ่อย ความเสี่ยงมีตั้งแต่โดนชน, ไฟลัดวงจร, ไปจนถึงอุปกรณ์เสียหาย 
ควรดูว่าเงื่อนไขครอบคลุมจุดนี้หรือไม่ 

 

  1. อู่ซ่อมต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ EV

รถ EV ซ่อมต่างจากรถน้ำมัน อู่ทั่วไปอาจไม่มีอุปกรณ์ที่เหมาะสม 
ควรเลือกประกันที่มีอู่ในเครือซึ่งผ่านการรับรองด้านระบบไฟฟ้าแรงสูง 

 

  1. ความคุ้มครองน้ำท่วม

น้ำท่วมอาจทำให้แบตเตอรี่ได้รับผลกระทบ 
ตรวจสอบว่าเบี้ยประกันรถยนต์รวมความเสียหายจากน้ำท่วมหรือไม่ 

 

  1. ค่าชดเชยระหว่างซ่อมนานขึ้น

รถ EV ใช้เวลาซ่อมนานเพราะต้องสั่งอะไหล่ ควรเลือกประกันที่มี 

  • รถสำรองระหว่างซ่อม 
  • ค่าชดเชยรายวัน 

ทั้งหมดนี้ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายได้มาก 

เทคนิคประหยัดค่าเบี้ยประกันรถยนต์สำหรับรถไฟฟ้า

เทคนิคประหยัดค่าเบี้ยประกันรถยนต์สำหรับรถไฟฟ้า

หลายคนกังวลว่าเบี้ยประกันรถยนต์ EV จะสูงกว่า แต่สามารถลดได้ด้วยเทคนิคต่อไปนี้ 

 

  1. ใช้ส่วนลดจากระบบความปลอดภัย รถ EV ส่วนใหญ่มีระบบช่วยขับขั้นสูง (ADAS) เช่น 
    • เบรกอัตโนมัติ 
    • กล้องรอบคัน 
    • เตือนชน 

บริษัทประกันให้ส่วนลดกับรถที่มีระบบเหล่านี้ 

 

  1. ส่วนลดประวัติดี (NCB) หากขับดี ไม่เคยเคลม สามารถลดเบี้ยได้ถึง 50% 
  1. เลือกซ่อมอู่ในเครือ ลดเบี้ยได้ อู่ในเครือมีอะไหล่พร้อมกว่า ซ่อมเร็วกว่า ทำให้เบี้ยถูกลง 
  1. เลือกความคุ้มครองให้เหมาะกับการใช้งาน ถ้าใช้งานระยะใกล้ อาจลดความคุ้มครองบางส่วนที่ไม่จำเป็นได้ 
  1. ใช้โปรโมชั่นเฉพาะรถ EV

หลายบริษัทมีแคมเปญลดราคาสำหรับลูกค้า EV โดยเฉพาะ 

บริหารค่าใช้จ่ายรถ EV ให้คล่องตัวด้วยสินเชื่อโฉนดจากเพื่อนแท้ เงินด่วน

บริหารค่าใช้จ่ายรถ EV ให้คล่องตัวด้วยสินเชื่อโฉนดจากเพื่อนแท้ เงินด่วน

แม้รถ EV จะประหยัดค่าน้ำมัน แต่ค่าใช้จ่ายอื่น เช่น ค่าเบี้ยประกันรถยนต์ ค่าซ่อมแบตเตอรี่ หรือค่าติดตั้งแท่นชาร์จ อาจสูงเกินคาด หลายคนจึงต้องการเงินก้อนอย่างเร่งด่วนเพื่อนำไปใช้จ่ายเกี่ยวกับรถ 

หนึ่งในทางเลือกที่ถูกกฎหมายและปลอดภัยคือ สินเชื่อโฉนดที่ดิน จาก บริษัท เพื่อนแท้ เงินด่วน จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์และสินเชื่อโฉนดที่ดิน ที่มีจุดเด่นแตกต่างจากที่อื่นอย่างชัดเจน ได้แก่ 

จุดเด่นของเพื่อนแท้ เงินด่วนที่ช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายด้านรถ 

  • อนุมัติวงเงินสูงสุด 130% ของราคาประเมิน 
    (คู่แข่งส่วนใหญ่ปล่อยเพียง 50–70%) 
  • ไม่ต้องไปจดจำนองให้เสียเวลา 
  • ขั้นตอนง่ายเพียง 4 ขั้นตอน 
    1. ประเมินราคาที่ดิน 
    2. เตรียมเอกสาร 
    3. ทำสัญญา 
    4. รับเงินทันที 
  • ใช้โฉนดที่ดินเป็นหลักประกัน 
  • ถูกต้องตามกฎหมาย กำกับดูแลโดยภาครัฐ 

เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ 

    • จ่ายค่าเบี้ยประกันรถยนต์ EV รายปี 
    • เปลี่ยนแบตเตอรี่หรือซ่อมระบบไฟฟ้าราคาแพง 
    • ติดตั้งแท่นชาร์จที่บ้าน 
    • ปรับปรุงระบบไฟฟ้าเพื่อรองรับรถ EV 

ทำให้เจ้าของรถมั่นใจได้ว่ามีเงินสำรองพร้อม หากเกิดเหตุไม่คาดคิดและไม่ต้องเสี่ยงกับสินเชื่อนอกระบบ 

สรุป

    ประกันรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ต้องเลือกให้เหมาะสม เพราะระบบแบตเตอรี่และอุปกรณ์ไฟฟ้ามีราคาสูง การทำ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่มีแพ็กเกจเฉพาะ EV จะช่วยป้องกันความเสี่ยงเรื่องไฟไหม้ น้ำท่วม และความเสียหายของแบตเตอรี่ได้ดีที่สุด ก่อนซื้อควรเช็กเงื่อนไขคุ้มครองแบตเตอรี่ การชาร์จไฟ อู่เฉพาะทาง และค่าระหว่างซ่อม หากต้องการเงินสำรองสำหรับค่าเบี้ยประกันหรือค่าซ่อมรถ EV สามารถใช้ สินเชื่อโฉนดที่ดินจากเพื่อนแท้ เงินด่วน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย 

เพื่อนแท้ เงินด่วน

บทความยอดนิยม