เพื่อนยืมรถไปชน ประกันยังคุ้มครองไหม

เพื่อนยืมรถไปชน ประกันยังคุ้มครองไหม

การให้เพื่อนหรือคนใกล้ชิดยืมรถถือเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน แต่สิ่งที่เจ้าของรถหลายคนกังวลคือ… ถ้าเพื่อนยืมรถไปเกิดอุบัติเหตุ ประกันรถยนต์จะยังคุ้มครองอยู่ไหม?” 

คำถามนี้มีคำตอบที่ชัดเจน แต่เจ้าของรถจำเป็นต้องเข้าใจเงื่อนไขของกรมธรรม์ รวมถึงประเภทของความคุ้มครองที่ทำไว้ เพราะประกันแต่ละชั้นให้ความคุ้มครองต่างกัน อีกทั้งยังมีปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เช่น คนขับเป็นใคร มีชื่อระบุไว้ในกรมธรรม์หรือไม่ ใช้รถผิดวัตถุประสงค์หรือเปล่า ฯลฯ 

บทความนี้จะอธิบายทุกมุมมอง พร้อม หัวข้อหลัก และมีตัวอย่างสถานการณ์จริงเพื่อให้เข้าใจง่ายที่สุด 

ประกันรถยนต์คุ้มครองเมื่อคนอื่นเป็นผู้ขับหรือไม่?

ประกันรถยนต์คุ้มครองเมื่อคนอื่นเป็นผู้ขับหรือไม่?

โดยทั่วไป ประกันรถยนต์เกือบทุกประเภทคุ้มครอง “รถ” เป็นหลัก ไม่ได้จำกัดเฉพาะเจ้าของรถ เว้นแต่มีการระบุชื่อผู้ขับขี่ไว้ในกรมธรรม์แบบเฉพาะเจาะจง (Named Driver) ซึ่งพบได้ไม่บ่อยในไทย เพราะคนส่วนใหญ่มักเลือกแบบไม่จำกัดผู้ขับ 

กรณีไม่มีการระบุชื่อผู้ขับ 

    • เพื่อนยืมรถ  ขับไปชน  ประกันคุ้มครอง 
    • ไม่ว่าจะเป็นประกันชั้น 1, 2+, 3+ หรือชั้น 3 (ขึ้นกับความคุ้มครองของแต่ละประเภท) 

กรณีระบุชื่อผู้ขับในกรมธรรม์ 

    • หากเพื่อนไม่ใช่ผู้ที่ระบุชื่อไว้ ประกันอาจไม่คุ้มครอง หรือคุ้มครองแต่จ่ายน้อยลง 
    • เจ้าของรถควรตรวจสอบกรมธรรม์ก่อนให้ใครยืมรถ 

ย้ำสำคัญ: ประกันจะคุ้มครองเมื่อ “ผู้ขับมีใบขับขี่” และ “ไม่ได้เมาสุรา/เสพสารเสพติด” รวมถึง “ไม่ได้ใช้รถผิดวัตถุประสงค์” เช่น นำรถเก๋งไปบรรทุกของหนักเกินกำหนด 

ประกันชั้น 1, 2+, 3+ และชั้น 3 คุ้มครองต่างกันอย่างไรเมื่อเพื่อนยืมรถไปชน?

ประกันชั้น 1, 2+, 3+ และชั้น 3 คุ้มครองต่างกันอย่างไรเมื่อเพื่อนยืมรถไปชน?

เพื่อให้เห็นภาพง่ายขึ้น มาดูความแตกต่างของประกันแต่ละชั้นว่าคุ้มครองเพื่อนยืมรถอย่างไรบ้าง 

1) ประกันรถยนต์ชั้น 1 

ครอบคลุมมากที่สุด 

    • ซ่อมรถเราเมื่อชนแบบมีคู่กรณีหรือไม่มีคู่กรณี 
    • ซ่อมรถคู่กรณี 
    • ไฟไหม้น้ำท่วม 
    • โดนขโมย 
      → เพื่อนยืมรถไปชน: คุ้มครองแน่นอน (เว้นแต่เมาแล้วขับ ไม่มีใบขับขี่ หรือเจตนาชน) 

2) ประกันรถยนต์ชั้น 2+ 

    • ซ่อมรถเราต่อเมื่อชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น 
    • ซ่อมรถคู่กรณี 
      → ถ้าเพื่อนขับไปชนเสา หรือชนฟุตบาทเพียงลำพัง  ไม่คุ้มครองรถเรา 

3) ประกันรถยนต์ชั้น 3+ 

คล้าย 2+ แต่ไม่มีคุ้มครองไฟไหม้หรือโจรกรรม 

    • คุ้มครองเมื่อชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น 
      → เพื่อนชนกับรถคันอื่น = คุ้มครอง 
      → เพื่อนชนแบบไม่มีคู่กรณี = ไม่คุ้มครอง 

4) ประกันรถยนต์ชั้น 3 

    • คุ้มครองเฉพาะคู่กรณี 
    • รถเราซ่อมเอง 100% 
      → เพื่อนชนรถคนอื่น ประกันจ่ายให้คู่กรณี 
      → รถเราเสียหาย เจ้าของรถต้องซ่อมเองทั้งหมด 

ข้อสรุป: 
ให้เพื่อนยืมรถแล้ว “อยากอุ่นใจที่สุด” แนะนำเลือก ประกันชั้น 1 เพราะครอบคลุมทุกสถานการณ์มากที่สุด 

เงื่อนไขที่อาจทำให้ประกันรถยนต์ไม่คุ้มครองแม้เพื่อนเป็นคนขับ

เงื่อนไขที่อาจทำให้ประกันรถยนต์ไม่คุ้มครองแม้เพื่อนเป็นคนขับ

แม้ว่าการให้เพื่อนยืมรถส่วนใหญ่ประกันจะคุ้มครอง แต่มีหลายกรณีที่อาจทำให้บริษัทประกันปฏิเสธความคุ้มครองได้ เช่น 

1) ผู้ขับไม่มีใบขับขี่หรือหมดอายุ นี่เป็นเหตุผลอันดับต้น ๆ ของการไม่คุ้มครอง เพราะถือว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายอย่างชัดเจน 

2) เมาแล้วขับ หากตรวจพบระดับแอลกอฮอล์เกินกฎหมายกำหนด ประกันมีสิทธิ์ไม่จ่ายค่าเสียหายบางส่วนหรือทั้งหมด 
→ กรณีนี้เจ้าของรถเองอาจต้องรับผิดชอบร่วมด้วย 

3) ใช้รถผิดประเภท/ผิดวัตถุประสงค์ 

เช่น 

    • เอารถเก๋งไปบรรทุกของหนัก 
    • เอารถส่วนบุคคลไปวิ่งรับจ้าง 
    • ใช้ในกิจกรรมเสี่ยงภัย 

4) จงใจทำให้เกิดอุบัติเหตุ 

หากมีหลักฐานว่าเป็นการตั้งใจชน เช่น ชนเพื่อขอเคลม หรือทะเลาะวิวาทจนขับรถพุ่งชน ประกันมีสิทธิ์ยกเลิกความคุ้มครอง 

5) ไม่แจ้งบริษัทประกันทันทีเมื่อเกิดเหตุ 

ประกันส่วนใหญ่กำหนดให้แจ้งภายใน 24 ชั่วโมง 
หากเพื่อนไม่แจ้งหรือแจ้งช้า อาจเกิดปัญหาตามมา 

การเคลมประกันกรณีเพื่อนยืมรถไปชน ต้องทำอย่างไร?

การเคลมประกันกรณีเพื่อนยืมรถไปชน ต้องทำอย่างไร?

เมื่อเกิดเหตุ สิ่งสำคัญคือการดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนดังนี้ 

1) โทรหาบริษัทประกันทันที 

ผู้ขับ (เพื่อน) ต้องแจ้งบริษัทประกันให้เข้ามาตรวจสอบ 
→ แจ้งชื่อ 
→ สถานที่เกิดเหตุ 
→ ทะเบียนรถ 
→ ลักษณะความเสียหาย 

2) รอพนักงานสำรวจภัย (เซอร์เวย์) 

อย่าเพิ่งเคลื่อนย้ายรถจนกว่าเซอร์เวย์จะถึง (ยกเว้นกีดขวางการจราจร) 

3) บันทึกข้อมูลคู่กรณี 

    • ทะเบียนรถ 
    • ชื่อ–นามสกุล 
    • เบอร์โทร 
    • รูปความเสียหาย 

4) ตรวจสอบเงื่อนไขความคุ้มครอง 

ในกรณีของเพื่อนยืมรถ บริษัทประกันจะตรวจสอบว่า 

    • ผู้ขับมีใบขับขี่หรือไม่ 
    • มีการระบุชื่อผู้ขับในกรมธรรม์หรือไม่ 
    • ผู้ขับมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น เมาสุรา หรือไม่ 

5) เซ็นรับทราบเอกสารเคลม 

หลังจากเซอร์เวย์ตรวจเสร็จ จะมีเอกสารให้เซ็นรับทราบความเสียหาย ก่อนนำเข้าซ่อมอู่หรือศูนย์บริการ 

ควรให้เพื่อนยืมรถไหม? พร้อมคำแนะนำเพิ่มเติม

ควรให้เพื่อนยืมรถไหม? พร้อมคำแนะนำเพิ่มเติม

แม้ประกันรถยนต์จะคุ้มครอง “ส่วนใหญ่” ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่การให้ยืมรถก็ยังมีความเสี่ยง ดังนั้นควรพิจารณาเรื่องต่อไปนี้ 

1) ประเมินความรับผิดชอบของผู้ยืม  เพื่อนบางคนขับรถดี ระมัดระวัง 
แต่บางคนมีประวัติขับรถเร็วหรือไม่คุ้นชินกับรถเรา  เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุสูง 

2) โทรสอบถามบริษัทประกันก่อน  หากไม่แน่ใจว่ากรมธรรม์ที่ทำไว้มีเงื่อนไขอะไร สามารถโทรถามบริษัทประกันได้ทันทีเพื่อความมั่นใจ 

3) พิจารณาทำประกันภัยชั้น 1 

ถ้าให้เพื่อนหรือคนในครอบครัวขับบ่อย  ชั้น 1 คุ้มที่สุด 

4) หากรถผ่อนได้ ยังมีความเสี่ยงเรื่องค่าใช้จ่ายระหว่างเคลม  ในบางกรณี อาจต้องสำรองจ่ายก่อน ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเจ้าของรถหลายคนเลือกใช้ สินเชื่อฉุกเฉินจากโฉนดที่ดิน เพื่อหมุนเงินระหว่างซ่อมรถ ซึ่งบริษัทที่ให้วงเงินสูงและอนุมัติไว เช่น 


บริษัท เพื่อนแท้ เงินด่วน จำกัด 
ที่เด่นด้วยเงื่อนไข 

    • ให้วงเงินสูงสุด 130% ของราคาประเมิน 
    • ไม่ต้องไปจดจำนองที่กรมที่ดิน 
    • ขั้นตอนง่ายเพียง ขั้นตอน: ประเมิน  เตรียมเอกสาร  ทำสัญญา  รับเงินไว 

เหมาะกับเจ้าของรถที่ต้องการเงินหมุนระยะสั้นระหว่างรอเคลม หรือชำระค่าใช้จ่ายที่ไม่ครอบคลุมโดยประกัน 

สรุป

     โดยส่วนใหญ่ ประกันรถยนต์ยังคงคุ้มครองเมื่อเพื่อนเป็นผู้ขับและเกิดอุบัติเหตุ หากไม่มีข้อยกเว้น เช่น ไม่มีใบขับขี่ เมาแล้วขับ หรือใช้รถผิดวัตถุประสงค์ ความคุ้มครองจะแตกต่างตามประเภทประกัน โดยประกันชั้น ครอบคลุมดีที่สุด เจ้าของรถควรอ่านเงื่อนไขให้ชัดเจนก่อนให้ใครยืมรถ และแจ้งบริษัทประกันทันทีเมื่อเกิดเหตุ หากมีค่าใช้จ่ายที่ต้องสำรอง สามารถใช้สินเชื่อโฉนดจาก เพื่อนแท้ เงินด่วน เป็นตัวช่วยหมุนเงินได้อย่างปลอดภัย 

เพื่อนแท้ เงินด่วน

บทความยอดนิยม