การเริ่มต้นขับรถบนท้องถนนสำหรับมือใหม่หัดขับ นอกจากต้องเรียนรู้กฎจราจรและพฤติกรรมการขับขี่ที่ปลอดภัยแล้ว อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือการเลือก “ประกันรถยนต์” ที่เหมาะสม เพราะอุบัติเหตุหรือเหตุไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ การมีประกันที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ จะช่วยให้มือใหม่หัดขับขับขี่ได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น บทความนี้จะพาไปรู้จักประเภทของประกันรถยนต์ เทคนิคการเลือกประกันที่เหมาะกับมือใหม่ ตลอดจนข้อแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คุณเลือกได้อย่างคุ้มค่าและสบายใจ
ประกันรถยนต์มีกี่ประเภท และต่างกันอย่างไร
ก่อนตัดสินใจเลือกประกันรถยนต์ มือใหม่ควรรู้ก่อนว่าประกันภัยรถยนต์มีกี่ประเภท และแต่ละประเภทให้ความคุ้มครองต่างกันอย่างไร
- ประกันชั้น 1:
เหมาะกับมือใหม่หัดขับมากที่สุด เพราะคุ้มครองครอบคลุมทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นรถชน รถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม รวมถึงความเสียหายที่เกิดจากการชนแม้ไม่มีคู่กรณี (เช่น ถอยชนเสา) มีค่าเบี้ยประกันสูงที่สุดแต่ให้ความคุ้มครองสูงสุด - ประกันชั้น 2+
เหมาะสำหรับรถที่ยังมีมูลค่าค่อนข้างสูง คุ้มครองรถหาย ไฟไหม้ และอุบัติเหตุเฉพาะกรณีที่มีคู่กรณี เช่น ชนรถยนต์ด้วยกัน ไม่ครอบคลุมการชนแบบไม่มีคู่กรณี เบี้ยประกันถูกกว่าชั้น 1 - ประกันชั้น 3+
ครอบคลุมเฉพาะกรณีมีคู่กรณีเท่านั้น ไม่คุ้มครองกรณีรถหายหรือไฟไหม้ เหมาะกับรถเก่า หรือผู้ที่มีประสบการณ์การขับขี่แล้ว - ประกันชั้น 3
เป็นแบบพื้นฐานที่สุด คุ้มครองเฉพาะทรัพย์สินและชีวิตของคู่กรณี ไม่คุ้มครองรถของเราเลย เบี้ยประกันถูกมาก เหมาะสำหรับรถอายุเกิน 10 ปี หรือใช้งานน้อย
ปัจจัยสำคัญในการเลือกประกันรถยนต์สำหรับมือใหม่
เมื่อทราบประเภทของประกันแล้ว ขั้นต่อไปคือการวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ ที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ
- ความถี่ในการใช้งานรถ: หากคุณใช้รถทุกวัน หรือเดินทางไกลบ่อย ๆ ควรเลือกประกันที่ครอบคลุมที่สุด เช่น ชั้น 1
- ประสบการณ์ในการขับขี่: มือใหม่ที่ยังไม่มั่นใจ ควรเลือกประกันที่ครอบคลุมการชนไม่มีคู่กรณี เพื่อไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายเอง
- มูลค่าของรถ: รถใหม่หรือรถที่มีราคาสูง ควรทำประกันชั้น 1 หรือ 2+ แต่หากเป็นรถมือสองราคาต่ำ อาจเลือกชั้น 3+ หรือชั้น 3
- งบประมาณที่มี: พิจารณาว่ามีงบจ่ายค่าเบี้ยประกันรายปีเท่าไหร่ แล้วจึงเลือกประกันที่เหมาะสม
- บริษัทประกัน: เลือกบริษัทที่มีชื่อเสียง การบริการดี และเคลมง่าย ตรวจสอบรีวิวหรือประสบการณ์จากผู้ใช้งานจริงประกอบด้วย
เปรียบเทียบเบี้ยประกันและความคุ้มครองของแต่ละประเภท
เพื่อช่วยให้มือใหม่เห็นภาพชัดเจน นี่คือตารางเปรียบเทียบระหว่างประเภทของประกันรถยนต์
ประเภทประกัน 
| คุ้มครองตัวรถ | คุ้มครองคู่กรณี | รถหาย/ไฟไหม้ | เบี้ยประกัน (ประมาณ) |
ชั้น 1 | ✅ | ✅ | ✅ | 12,000 – 25,000 บาท/ปี |
ชั้น 2+ | ✅ (เฉพาะมีคู่กรณี) | ✅ | ✅ | 8,000 – 12,000 บาท/ปี |
ชั้น 3+ | ✅ (เฉพาะมีคู่กรณี) | ✅ | ❌ | 6,000 – 9,000 บาท/ปี |
ชั้น 3 | ❌ | ✅ | ❌ | 3,000 – 6,000 บาท/ปี |
ราคาขึ้นอยู่กับรุ่นรถ อายุรถ และโปรโมชั่นของบริษัทประกันภัย
เทคนิคเลือกบริษัทประกันรถยนต์ที่ตอบโจทย์มือใหม่
- มีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. มือใหม่ควรเลือกบริษัทที่มีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินฟรี เช่น บริการรถยก บริการเติมน้ำมัน ฯลฯ
- ช่องทางติดต่อหลากหลาย และสะดวก บริษัทที่มี Call Center, LINE OA, แอปพลิเคชัน หรือเว็บสำหรับเช็คสถานะเคลมได้ จะช่วยให้ใช้งานง่าย
- การเคลมง่าย ไม่ยุ่งยาก เลือกบริษัทที่มีศูนย์ซ่อมในเครือเยอะ มีบริการเคลมถึงที่ หรือนัดเวลาเคลมออนไลน์ได้
- โปรโมชั่นหรือของแถม หลายบริษัทมีของแถม เช่น บัตรเติมน้ำมัน คูปองล้างรถ หรือส่วนลดเบี้ยประกันในปีต่อไป
- รีวิวจากผู้ใช้งานจริง อ่านรีวิวในเว็บไซต์ Pantip, Facebook หรือ YouTube เพื่อประกอบการตัดสินใจ
เลือกประกันแบบไหน คุ้มค่าสำหรับมือใหม่ที่สุด?
สำหรับผู้เริ่มต้นขับรถ แนะนำว่า “ประกันชั้น 1” คือตัวเลือกที่ดีที่สุดในปีแรก เพราะคุ้มครองครอบคลุมทุกเหตุการณ์ รวมถึงเหตุที่เกิดจากความไม่ชำนาญของมือใหม่ เช่น การถอยชน รอยขีดข่วน หรือชนไม่มีคู่กรณี
หากปีถัดไปคุณเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น อาจพิจารณาปรับลดมาเป็นประกันชั้น 2+ หรือ 3+ ตามสภาพรถและพฤติกรรมการใช้รถของคุณ
สรุป
มือใหม่หัดขับควรเลือกประกันรถยนต์ที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์และความเสี่ยงที่อาจเจอในการขับขี่ โดยประกันชั้น 1 ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในช่วงเริ่มต้นเพราะคุ้มครองครอบคลุมทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ รถหาย หรือไฟไหม้ การเลือกบริษัทประกันที่น่าเชื่อถือ เคลมง่าย และบริการดี ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม หากต้องการความช่วยเหลือด้านสินเชื่อหรือคำปรึกษาเรื่องประกันรถยนต์ สามารถติดต่อ “บริษัท เพื่อนแท้ เงินด่วน จำกัด” ที่พร้อมให้คำแนะนำแบบมืออาชีพเพื่อคุณ
