การมีรถยนต์ส่วนตัวในยุคปัจจุบันถือเป็นความสะดวกสบายและเพิ่มอิสระในการเดินทาง แต่สิ่งสำคัญที่ผู้ใช้รถทุกคนต้องรู้ คือเรื่อง ประกันรถยนต์ เพราะอุบัติเหตุและเหตุการณ์ไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะการทำ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ที่กฎหมายกำหนดให้ทุกคันต้องมี และ ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ที่เจ้าของรถสามารถเลือกทำเพิ่มเติมเพื่อความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากขึ้น บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงความแตกต่างของทั้งสองประเภท เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและเหมาะสมกับการใช้งานของคุณมากที่สุด
ความหมายของประกันรถยนต์แต่ละประเภท
ก่อนที่จะเปรียบเทียบความแตกต่าง เราต้องเข้าใจก่อนว่า “ประกันรถยนต์” มี 2 ประเภทหลัก ได้แก่
- ประกันภัยภาคบังคับ หรือ พ.ร.บ.
คือประกันภัยที่กฎหมายบังคับให้รถทุกคันต้องมี โดยมีชื่อเต็มว่า “พระราชบัญญัติ คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535” จุดประสงค์เพื่อให้ความช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลแก่ผู้ประสบเหตุจากรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นคนขับ ผู้โดยสาร หรือบุคคลภายนอก - ประกันภัยภาคสมัครใจ
คือประกันที่เจ้าของรถสามารถเลือกซื้อเพิ่มเติมตามความต้องการของตน โดยมีหลายประเภท เช่น ประกันชั้น 1, 2+, 3+, และชั้น 3 เพื่อให้ครอบคลุมความเสียหายของรถ ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก หรือแม้แต่กรณีสูญหาย ไฟไหม้ ฯลฯ
ความคุ้มครองที่ต่างกันของ พ.ร.บ. กับประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ
พ.ร.บ. คุ้มครองอะไรบ้าง?
- ค่ารักษาพยาบาล: สูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท/คน โดยไม่ต้องรอพิสูจน์ความผิด
- ค่าชดเชยกรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพ: สูงสุด 500,000 บาท
- ค่าปลงศพ: รวมอยู่ในวงเงินสูงสุดที่กล่าวข้างต้น
- ค่าทดแทนระหว่างรักษาตัว: 200 บาท/วัน สูงสุด 20 วัน
ประกันภาคสมัครใจคุ้มครองอะไรบ้าง?
- ความเสียหายต่อรถยนต์ของผู้เอาประกัน (เฉพาะบางชั้น)
- ความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
- ความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก
- ค่ารักษาพยาบาลของผู้ขับขี่และผู้โดยสารในรถ
- ความเสียหายจากภัยธรรมชาติ
- ความเสียหายจากการโจรกรรม ไฟไหม้
โดยเฉพาะประกันรถยนต์ชั้น 1 ถือว่าครอบคลุมเกือบทุกกรณี แตกต่างจาก พ.ร.บ. ที่จำกัดเฉพาะบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุเท่านั้น
ความแตกต่างในแง่กฎหมายและการบังคับใช้
พ.ร.บ. เป็นกฎหมายบังคับ
เจ้าของรถยนต์ทุกคันต้องทำ พ.ร.บ. ก่อนต่อทะเบียนรถประจำปี หากไม่มี พ.ร.บ. จะไม่สามารถต่อทะเบียนได้ และอาจมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาทตามกฎหมาย
ประกันภาคสมัครใจไม่ใช่ข้อบังคับ
สามารถเลือกซื้อหรือไม่ซื้อก็ได้ ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของเจ้าของรถ แต่การไม่ทำประกันภาคสมัครใจเท่ากับการแบกรับความเสี่ยงด้วยตัวเอง เช่น หากเกิดอุบัติเหตุแล้วเป็นฝ่ายผิด คุณจะต้องจ่ายค่าซ่อมรถคู่กรณี ค่ารักษาพยาบาล ค่าความเสียหายทางทรัพย์สินทั้งหมดด้วยตัวเอง
ค่าเบี้ยประกันและการเลือกซื้อที่เหมาะสม
พ.ร.บ. มีค่าใช้จ่ายไม่มาก
โดยทั่วไปค่าเบี้ยประกันของ พ.ร.บ. จะอยู่ที่ประมาณ 645 – 1,200 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทรถยนต์ และเป็นราคาที่ทางรัฐบาลกำหนดไว้อย่างชัดเจน
ประกันภาคสมัครใจมีหลายราคา
ราคาขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น
- ประเภทของประกัน (ชั้น 1 จะแพงที่สุด)
- อายุของรถ
- รุ่นรถ ยี่ห้อ
- ประวัติการเคลม
- การใช้รถ (ใช้ส่วนบุคคลหรือเพื่อการพาณิชย์)
ตัวอย่างค่าเบี้ย:
- ประกันชั้น 1: เริ่มต้นประมาณ 10,000 – 25,000 บาท/ปี
- ประกัน 2+: ประมาณ 6,000 – 10,000 บาท/ปี
- ประกัน 3+: ประมาณ 4,000 – 7,000 บาท/ปี
คำแนะนำจาก เพื่อนแท้ เงินด่วน: หากคุณเป็นผู้ที่มีงบประมาณจำกัด แต่ต้องการความอุ่นใจจากการขับขี่บนถนน การเลือกซื้อประกันชั้น 2+ หรือ 3+ ก็ถือเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าต่อราคามาก
ใครบ้างที่ควรเลือกซื้อประกันภาคสมัครใจเพิ่มเติม?
แม้ว่า พ.ร.บ. จะเป็นประกันพื้นฐานที่ทุกคนต้องมี แต่ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจเหมาะกับผู้ที่:
- ขับรถในเมือง หรือเดินทางไกลบ่อยครั้ง
ความเสี่ยงสูง ควรมีความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากขึ้น
- ขับรถในเมือง หรือเดินทางไกลบ่อยครั้ง
- เป็นเจ้าของรถยนต์ใหม่ หรือมูลค่าสูง
รถใหม่มีราคาซ่อมแพง การมีประกันชั้น 1 ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน
- เป็นเจ้าของรถยนต์ใหม่ หรือมูลค่าสูง
- ผู้ที่ต้องการความสบายใจ ไม่ต้องแบกรับความเสียหายเอง
ประกันชั้น 1 และ 2+ ช่วยคุณได้มากเมื่อคุณเป็นฝ่ายผิด
- ผู้ที่ต้องการความสบายใจ ไม่ต้องแบกรับความเสียหายเอง
- เจ้าของรถที่ติดไฟแนนซ์
โดยทั่วไปสถาบันการเงินจะกำหนดให้ผู้เช่าซื้อทำประกันชั้น 1 ตลอดสัญญา
- เจ้าของรถที่ติดไฟแนนซ์
ทั้งนี้ หากต้องการสมัครสินเชื่อเพิ่มเติมหรือใช้โฉนดที่ดินค้ำประกันเพื่อซื้อประกันหรือซ่อมรถ บริษัท เพื่อนแท้ เงินด่วน มีบริการสินเชื่อโฉนดที่ดิน ที่ให้วงเงินสูงสุดถึง 130% ของราคาประเมิน ไม่ต้องเสียเวลาไปจดจำนองที่กรมที่ดิน และสามารถอนุมัติไวใน 1 วัน พร้อมบริการครบจบในที่เดียว
สรุป: ความเข้าใจที่ถูกต้องเพื่อการตัดสินใจที่คุ้มค่า
ประกันรถยนต์มีทั้งภาคบังคับ (พ.ร.บ.) และภาคสมัครใจ โดย พ.ร.บ. เป็นพื้นฐานที่ทุกคันต้องมี เพื่อความคุ้มครองผู้ประสบเหตุจากรถ แต่หากคุณต้องการความคุ้มครองทรัพย์สินของตนเองหรือเพิ่มความอุ่นใจในการขับขี่ การทำประกันรถยนต์ภาคสมัครใจเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีความเสี่ยงสูงจากอุบัติเหตุต่างๆ การเลือกแบบประกันที่เหมาะสมกับงบประมาณและลักษณะการใช้งานจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายได้มาก