โอนรถใช้เอกสารอะไรบ้าง เช็กให้ชัวร์ก่อนทำเรื่อง

โอนรถใช้เอกสารอะไรบ้าง เช็กให้ชัวร์ก่อนทำเรื่อง

    การซื้อขายหรือเปลี่ยนเจ้าของรถยนต์ในประเทศไทย ต้องผ่านกระบวนการที่เรียกว่า “การโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์” ซึ่งเป็นขั้นตอนทางกฎหมายที่สำคัญ เพื่อให้การถือครองรถยนต์ถูกต้องตามทะเบียนกรมการขนส่งทางบก สำหรับผู้ที่กำลังจะซื้อหรือขายรถมือสอง คำถามสำคัญที่มักเกิดขึ้นคือ โอนรถใช้เอกสารอะไรบ้าง” บทความนี้จะอธิบายแบบละเอียด พร้อมแนะนำขั้นตอน ค่าธรรมเนียม และข้อควรระวังต่าง ๆ เพื่อให้คุณสามารถโอนได้อย่างราบรื่นและถูกต้อง 

เอกสารที่ผู้ขายต้องเตรียม: ความรับผิดชอบของเจ้าของรถเดิม

เอกสารที่ผู้ขายต้องเตรียม: ความรับผิดชอบของเจ้าของรถเดิม

เมื่อมีการขายรถยนต์ เจ้าของเดิมจะต้องเป็นผู้เตรียมเอกสารหลัก ๆ เพื่อให้การโอนกรรมสิทธิ์ดำเนินการได้ตามกฎหมาย รายการเอกสารสำคัญที่ผู้ขายต้องเตรียม มีดังนี้: 

  1. สมุดคู่มือจดทะเบียนรถ (เล่มทะเบียนรถ) 
    เป็นเอกสารแสดงความเป็นเจ้าของที่สำคัญที่สุด ต้องมีชื่อผู้ขายระบุไว้ในเล่ม พร้อมกับสถานะเป็น “เจ้าของรถ” อย่างถูกต้อง 
  2. บัตรประชาชนตัวจริง ของผู้ขาย 
    กรณีเป็นบุคคลธรรมดา หากผู้ขายไม่สามารถไปด้วยตัวเอง ต้องทำ หนังสือมอบอำนาจ (แบบฟอร์มของกรมขนส่ง) พร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชนผู้มอบและผู้รับมอบอำนาจ 
  3. แบบคำขอโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ 
    แบบฟอร์มนี้สามารถขอได้ที่กรมขนส่ง หรือดาวน์โหลดจากเว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก โดยต้องลงลายมือชื่อทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย 
  4. ใบเสร็จหรือสัญญาซื้อขาย (ถ้ามี) 
    เป็นหลักฐานประกอบการซื้อขายที่แสดงถึงการตกลงซื้อขายกันจริง 
  5. หลักฐานการผ่านการตรวจสภาพรถ (สำหรับรถอายุเกิน 7 ปี) 
    รถยนต์ที่มีอายุมากกว่า 7 ปี ต้องผ่านการตรวจสภาพจากสถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.) ก่อนดำเนินการโอน 
เอกสารที่ผู้ซื้อรถต้องเตรียม: เตรียมให้พร้อมก่อนทำเรื่องโอน

เอกสารที่ผู้ซื้อรถต้องเตรียม: เตรียมให้พร้อมก่อนทำเรื่องโอน

การเป็นเจ้าของรถยนต์คนใหม่ไม่ใช่แค่การจ่ายเงินแล้วจบ แต่ต้องมีการรับโอนอย่างถูกต้อง เอกสารที่ผู้ซื้อจะต้องเตรียม มีดังนี้: 

  1. บัตรประชาชนตัวจริงของผู้ซื้อ 
    หากไม่สามารถมาด้วยตนเอง ต้องมีหนังสือมอบอำนาจ พร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชนของทั้งสองฝ่าย 
  2. สำเนาทะเบียนบ้าน (บางสำนักงานขนส่งอาจขอเพิ่ม) 
    เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการเปลี่ยนชื่อในระบบทะเบียน 
  3. หนังสือสัญญาซื้อขายรถยนต์ (ถ้ามี) 
    เพื่อยืนยันว่าได้มีการตกลงซื้อขายกันจริง และสามารถใช้ประกอบการคำนวณภาษี 
  4. แบบคำขอโอนและเปลี่ยนแปลงรายการในเล่มทะเบียน 
    ต้องกรอกข้อมูลให้ครบถ้วนและลงลายมือชื่อทั้งสองฝ่าย 
  5. เงินสดหรือช่องทางชำระค่าธรรมเนียม 
    เพราะจะต้องชำระค่าธรรมเนียมในการโอนตามที่กฎหมายกำหนด 
ขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ที่กรมการขนส่งทางบก

ขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ที่กรมการขนส่งทางบก

การไปดำเนินการที่สำนักงานขนส่งไม่ใช่เรื่องยาก หากเตรียมเอกสารครบ โดยขั้นตอนที่ถูกต้องมีดังนี้: 

  1. นำรถเข้าตรวจสอบ 
    รถจะต้องผ่านการตรวจสภาพก่อน (เฉพาะกรณีที่อายุเกิน 7 ปี หรือมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง) 
  2. ยื่นเอกสารทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ 
    ทั้งเอกสารของผู้ซื้อและผู้ขาย โดยเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบความถูกต้อง 
  3. ชำระค่าธรรมเนียมการโอน 
    มีทั้งค่าธรรมเนียมการโอน ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม (ถ้าเข้าเกณฑ์) และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ (ดูรายละเอียดในหัวข้อถัดไป) 
  4. รับเล่มทะเบียนฉบับใหม่ 
    หลังจากเปลี่ยนชื่อเรียบร้อย เล่มทะเบียนจะเปลี่ยนชื่อเป็นผู้ซื้อ และออกใบเสร็จรับเงินให้เรียบร้อย 
ค่าธรรมเนียมและภาษีที่เกี่ยวข้องกับการโอนรถยนต์

ค่าธรรมเนียมและภาษีที่เกี่ยวข้องกับการโอนรถยนต์

แม้ค่าธรรมเนียมจะไม่สูงมาก แต่ควรเตรียมเงินให้เพียงพอ โดยสามารถสรุปได้ดังนี้: 

    • ค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์ 100 บาท 
    • ค่าอากรซื้อขาย (0.5% ของราคาซื้อขาย หรือราคาประเมินกรมขนส่ง) 
      กรณีราคาซื้อขายต่ำกว่าราคาประเมิน จะคิดจากราคาประเมิน 
    • ค่าตรวจสภาพรถ (ถ้ามี) ประมาณ 200 บาท 
    • ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ (ถ้ามี) เช่น ค่าเปลี่ยนสีรถ เปลี่ยนประเภทใช้งาน ฯลฯ 

หมายเหตุ: สำหรับผู้ที่ซื้อรถยนต์ผ่านบริษัทไฟแนนซ์หรือธนาคาร ต้องตรวจสอบว่าเอกสารจากสถาบันการเงินเรียบร้อยก่อนโอน 

ข้อควรระวังในการโอนรถยนต์

ข้อควรระวังในการโอนรถยนต์

การโอนรถยนต์ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องเอกสาร แต่ยังต้องระวังในหลายประเด็น ดังนี้: 

  1. อย่ามอบเล่มทะเบียนให้จนกว่าจะชำระครบ 
    หากยังไม่ได้เงินครบถ้วน อย่ามอบเล่มทะเบียนให้ผู้ซื้อก่อนเด็ดขาด 
  2. อย่าลืมตรวจสอบภาษี พ.ร.บ. และการต่อทะเบียนให้เรียบร้อย 
    เพื่อป้องกันปัญหาในการตรวจสภาพและการโอน 
  3. ตรวจสอบว่ารถมีภาระผูกพันหรือไม่ 
    เช่น ถูกจำนำกับไฟแนนซ์ หรือมีการแจ้งอายัด 
  4. ห้ามปล่อยให้ผู้ซื้อใช้รถก่อนโอนกรรมสิทธิ์ 
    เพราะหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นระหว่างที่ยังเป็นชื่อเจ้าของเดิม จะมีผลทางกฎหมายต่อเจ้าของเดิม 
  5. ควรถ่ายรูปเอกสารเก็บไว้ 
    เพื่อใช้เป็นหลักฐานกรณีมีข้อพิพาทหรือมีปัญหาภายหลัง 

สรุป: โอนรถอย่างถูกต้อง ปลอดภัย และไม่เสียสิทธิ์

    การโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์เป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรละเลย โดยต้องเตรียมเอกสารทั้งของผู้ซื้อและผู้ขายให้ครบ ตรวจสอบสภาพรถ ชำระค่าธรรมเนียมตามกฎหมาย และดำเนินการที่สำนักงานขนส่งทางบกเท่านั้น ไม่ควรโอนกันเองแบบไม่เป็นทางการเพราะอาจเกิดปัญหาภายหลังได้ 

สำหรับใครที่มีรถยนต์และกำลังต้องการใช้เงิน บริษัท เพื่อนแท้ เงินด่วน จำกัด ให้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนหรือโฉนดรถยนต์ โดยไม่ต้องจอดรถ วงเงินสูง อนุมัติไว ผ่อนสบาย ไม่ต้องเสียเวลาเดินเรื่องเอง พร้อมบริการประเมินฟรี ติดต่อสอบถามได้ทุกสาขาทั่วประเทศ 

เพื่อนแท้ เงินด่วน

บทความยอดนิยม