การเคลมประกันเป็นกระบวนการที่ผู้ถือกรมธรรม์สามารถขอรับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยเฉพาะเมื่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อขั้นตอนการเคลมคือ การมีหรือไม่มีคู่กรณี ซึ่งแต่ละกรณีมีรายละเอียดและข้อควรระวังที่แตกต่างกัน
ประกันภัยรถยนต์คืออะไร และทำไมต้องมีประกัน?
ประกันภัยรถยนต์เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในกรณีเกิดอุบัติเหตุหรือความเสียหายที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ โดยผู้เอาประกันจะต้องชำระค่าเบี้ยประกันตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ ประกันภัยรถยนต์แบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น ประกันชั้น 1, ประกันชั้น 2+, ประกันชั้น 3 เป็นต้น
สาเหตุที่ควรทำประกันภัยรถยนต์มีดังนี้:
- ช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายหากเกิดอุบัติเหตุ
- ให้ความคุ้มครองต่อทรัพย์สินและชีวิตของทั้งผู้เอาประกันและบุคคลอื่น
- สร้างความมั่นใจในการขับขี่
เคลมประกันคืออะไร และมีกี่ประเภท?
การเคลมประกันคือการแจ้งขอรับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันเมื่อเกิดความเสียหายขึ้นกับรถยนต์ โดยทั่วไปสามารถแบ่งประเภทการเคลมประกันได้เป็นสองประเภทหลัก ได้แก่
- การเคลมแบบมีคู่กรณี – หมายถึง การเคลมที่มีบุคคลหรือยานพาหนะอื่นเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุ เช่น ชนรถคันอื่น หรือมีบุคคลที่สามได้รับความเสียหาย
- การเคลมแบบไม่มีคู่กรณี – หมายถึง การเคลมที่ไม่เกี่ยวข้องกับยานพาหนะหรือบุคคลอื่น เช่น รถชนเสาไฟฟ้า ชนกำแพง หรือรถถูกขีดข่วนโดยไม่ทราบสาเหตุ
วิธีเคลมประกันแบบมีคู่กรณี
หากเกิดอุบัติเหตุที่มีคู่กรณี การเคลมประกันจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
3.1 แจ้งเหตุการณ์ให้บริษัทประกัน เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ควรติดต่อบริษัทประกันทันทีผ่านเบอร์สายด่วนที่ระบุในกรมธรรม์ โดยแจ้งรายละเอียดอุบัติเหตุ เช่น สถานที่เกิดเหตุ ลักษณะการชน และข้อมูลของคู่กรณี
3.2 เรียกเจ้าหน้าที่เคลมมายังที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่เคลมจะมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ถ่ายภาพความเสียหาย และบันทึกข้อมูลของทั้งสองฝ่าย โดยเจ้าหน้าที่จะเป็นผู้ชี้แจงกระบวนการและออกใบเคลมให้
3.3 บันทึกหลักฐานและข้อมูลคู่กรณี
- ถ่ายรูปที่เกิดเหตุ รวมถึงร่องรอยความเสียหายของรถ
- ขอข้อมูลจากคู่กรณี เช่น ทะเบียนรถ ประเภทประกัน ชื่อ-นามสกุล และเบอร์ติดต่อ
- บันทึกพยานบุคคล (ถ้ามี)
3.4 รับใบเคลมและนำรถเข้าซ่อม หลังจากได้รับใบเคลมจากเจ้าหน้าที่ สามารถนำรถเข้าซ่อมที่อู่หรือศูนย์บริการที่บริษัทประกันกำหนดได้
วิธีเคลมประกันแบบไม่มีคู่กรณี
การเคลมประกันแบบไม่มีคู่กรณีมีขั้นตอนที่แตกต่างจากแบบมีคู่กรณี เนื่องจากไม่มีบุคคลอื่นที่สามารถเป็นพยานหรือรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นั้นๆ
4.1 แจ้งบริษัทประกัน ต้องรีบติดต่อบริษัทประกันและแจ้งเหตุการณ์ เช่น รถถูกขีดข่วนโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือขับชนกำแพง
4.2 ถ่ายภาพและรวบรวมหลักฐาน
- ถ่ายภาพรอยเสียหายและบริเวณโดยรอบ
- บันทึกวัน เวลา และสถานที่เกิดเหตุ
- หากเป็นการเฉี่ยวชนสถานที่สาธารณะ ให้ขอภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐาน
4.3 ติดต่อเจ้าหน้าที่เคลมและรับใบเคลม เจ้าหน้าที่เคลมอาจเดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ หรือให้ผู้เอาประกันนำรถไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการ
4.4 นำรถเข้าซ่อม หลังจากได้รับใบเคลม สามารถนำรถเข้าซ่อมที่อู่หรือศูนย์บริการที่บริษัทประกันกำหนด
สรุป
การเคลมประกันแบบมีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณีมีความแตกต่างในเรื่องของหลักฐาน ขั้นตอนการดำเนินการ และการพิจารณาความรับผิดชอบ หากเป็นไปได้ ควรมีหลักฐานที่ชัดเจนเพื่อให้กระบวนการเคลมเป็นไปอย่างราบรื่น ทั้งนี้การเลือกทำประกันที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองที่ตรงกับความต้องการ