ซื้อขายที่ดินอย่างไรให้ปลอดภัย 7 ข้อควรรู้ก่อนโอนกรรมสิทธิ์

7 ข้อควรรู้! ซื้อขายที่ดินอย่างไรให้ปลอดภัยก่อนโอนกรรมสิทธิ์

การซื้อขายที่ดินเป็นธุรกรรมที่มีมูลค่าสูงและมีรายละเอียดทางกฎหมายเกี่ยวข้องมากมาย การไม่ตรวจสอบข้อมูลให้ครบถ้วน อาจนำไปสู่ปัญหาตามมาภายหลัง เช่น ข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ ภาระผูกพันที่ซ่อนอยู่ หรือแม้กระทั่งการถูกหลอกลวงจากกลุ่มมิจฉาชีพ ดังนั้น ผู้ที่ต้องการซื้อหรือขายที่ดินจำเป็นต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และวางแผนอย่างรอบคอบทุกขั้นตอน ตั้งแต่การตรวจสอบโฉนด เอกสารสิทธิ์ ไปจนถึงขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์กับสำนักงานที่ดิน บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจ “7 ข้อควรรู้” เพื่อให้การซื้อขายที่ดินของคุณปลอดภัย มั่นใจ และไม่พลาดในสิ่งสำคัญที่หลายคนมักมองข้าม พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อที่ดินโดยตรงจาก บริษัท เพื่อนแท้ เงินด่วน จำกัด 

ตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ให้ถูกต้องก่อนซื้อขาย

1.ตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ให้ถูกต้องก่อนซื้อขาย

เอกสารสิทธิ์คือหัวใจของการซื้อขายที่ดิน การที่ผู้ซื้อไม่ได้ตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ตั้งแต่ต้น อาจนำไปสู่การฟ้องร้องในภายหลัง เพราะที่ดินบางแปลงอาจอยู่ในพื้นที่สงวน อยู่ระหว่างการฟ้องร้อง หรือเป็นที่ดินที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ชัดเจน เช่น ที่ดิน ส.ป.ก. หรือที่ดิน ภ.บ.ท. ซึ่งไม่สามารถซื้อขายได้ 

ประเภทเอกสารสิทธิ์ที่สามารถซื้อขายได้ เช่น 

    • โฉนดที่ดิน (น.ส.4 จ) 
    • น.ส.3  
    • น.ส.3 (ต้องระวังเรื่องแนวเขตและสิทธิการครอบครอง) 

ก่อนโอนกรรมสิทธิ์ ควรตรวจสอบเอกสารที่สำนักงานที่ดินเพื่อยืนยันความถูกต้อง รวมถึงตรวจสอบว่าชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ตรงกับชื่อผู้ขายหรือไม่ มีภาระผูกพันหรือไม่ เช่น การจำนอง การยึดทรัพย์ หรือการค้ำประกันกับธนาคารหรือสถาบันการเงินใด ๆ 

หากเอกสารไม่มีความชัดเจน บริษัท เพื่อนแท้ เงินด่วน จำกัด แนะนำให้ผู้ซื้อขอสำเนาโฉนดและนำไปตรวจสอบกับกรมที่ดินก่อนตัดสินใจชำระเงินมัดจำ 

ตรวจสอบแนวเขตที่ดินและรังวัดอย่างเป็นทางการ

2.ตรวจสอบแนวเขตที่ดินและรังวัดอย่างเป็นทางการ

การซื้อที่ดินโดยไม่รู้แนวเขตที่แน่นอน อาจทำให้เกิดข้อพิพาทกับเพื่อนบ้านในภายหลัง ดังนั้นควรรังวัดที่ดินใหม่โดยเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน หรือสำนักงานที่ดินจังหวัด เพื่อความมั่นใจว่าเนื้อที่ตรงกับโฉนดจริง และไม่มีการบุกรุก 

เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการรังวัด เช่น 

    • แบบแปลนที่ดิน 
    • ใบรังวัด 
    • แผนที่ระวาง 

การรังวัดควรทำก่อนการชำระเงิน เพื่อให้ผู้ซื้อมั่นใจว่าได้รับสิทธิ์ในพื้นที่จริง ไม่เกิดข้อผิดพลาดเรื่องพื้นที่หรือการทับซ้อนที่ดินในอนาคต 

เช็คภาระผูกพันของที่ดินให้ครบถ้วน

3.เช็คภาระผูกพันของที่ดินให้ครบถ้วน

แม้ว่าที่ดินจะมีโฉนดที่สมบูรณ์ แต่หากมีภาระผูกพัน เช่น ถูกจำนอง ถูกอายัด หรืออยู่ในระหว่างคดีความ ที่ดินนั้นก็ไม่สามารถโอนได้อย่างราบรื่น หรืออาจมีผลทางกฎหมายตามมา 

สิ่งที่ควรตรวจสอบ: 

    • หนังสือรับรองจากสำนักงานที่ดินว่าที่ดินไม่มีภาระผูกพัน 
    • ตรวจสอบในระบบออนไลน์ของกรมที่ดิน 
    • ขอให้ผู้ขายชี้แจงข้อมูลภาระผูกพันอย่างละเอียด 

หากพบว่าที่ดินมีภาระผูกพัน ผู้ซื้อสามารถเจรจาให้ผู้ขายดำเนินการปลดจำนองก่อน หรือหากต้องการซื้อโดยรับโอนภาระหนี้ต่อจากเจ้าของเดิม ควรทำสัญญาชัดเจน และควรปรึกษานักกฎหมาย 

ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่มีรายละเอียดรัดกุม

4.ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่มีรายละเอียดรัดกุม

ก่อนโอนกรรมสิทธิ์ ควรมีสัญญาจะซื้อจะขายที่เป็นลายลักษณ์อักษร โดยในสัญญาควรระบุรายละเอียดสำคัญดังนี้: 

    • ข้อมูลของผู้ซื้อและผู้ขาย 
    • รายละเอียดของที่ดิน (เลขโฉนด, ตำแหน่ง, ขนาดพื้นที่) 
    • ราคาซื้อขาย 
    • เงื่อนไขการชำระเงิน 
    • วันที่จะโอนกรรมสิทธิ์ 
    • การแบ่งภาระค่าใช้จ่าย เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าภาษี ค่าจดทะเบียน 

บริษัท เพื่อนแท้ เงินด่วน จำกัด แนะนำว่าควรมีพยานในการลงนาม และให้สัญญาผ่านการตรวจสอบจากนักกฎหมาย หรือสำนักงานทนายความ เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดในภายหลัง โดยเฉพาะการวางมัดจำล่วงหน้า ต้องระบุชัดเจนว่าจะขอคืนหรือไม่ในกรณีโอนกรรมสิทธิ์ไม่สำเร็จ 

ขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดิน

5.ขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดิน

การโอนกรรมสิทธิ์จะต้องดำเนินการที่ สำนักงานที่ดิน ที่ที่ดินตั้งอยู่ โดยมีขั้นตอนที่สำคัญดังนี้: 

    1. เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน 
    2. เดินทางไปสำนักงานที่ดินพร้อมผู้ซื้อและผู้ขาย 
    3. ชำระค่าธรรมเนียมการโอน 
    4. ชำระภาษี ณ ที่จ่าย, ภาษีธุรกิจเฉพาะ หรือภาษีเงินได้ 
    5. เจ้าหน้าที่จะจดทะเบียนโอนและออกโฉนดใหม่ 

เอกสารที่ใช้ในการโอน: 

    • โฉนดที่ดินตัวจริง 
    • บัตรประชาชน และทะเบียนบ้าน 
    • สัญญาจะซื้อจะขาย 
    • หนังสือยินยอมจากคู่สมรส (ถ้ามี) 
    • หนังสือมอบอำนาจ (กรณีมีผู้รับมอบอำนาจ) 

6.รู้จักค่าธรรมเนียมและภาษีที่เกี่ยวข้อง

ค่าธรรมเนียมและภาษีที่เกี่ยวข้องในการโอนที่ดินมีหลายรายการ ผู้ซื้อและผู้ขายควรตกลงกันล่วงหน้าเรื่องการแบ่งภาระค่าใช้จ่าย โดยรายการหลัก ได้แก่: 

    • ค่าธรรมเนียมการโอน 2% ของราคาประเมิน 
    • ภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% (หากถือครองไม่ถึง 5 ปี) 
    • ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (คำนวณตามราคาประเมินและอัตราก้าวหน้า) 
    • อากรแสตมป์ 0.5% (ใช้แทนภาษีธุรกิจเฉพาะในบางกรณี) 

บริษัท เพื่อนแท้ เงินด่วน จำกัด แนะนำให้ตรวจสอบค่าใช้จ่ายล่วงหน้ากับสำนักงานที่ดิน เพื่อวางแผนงบประมาณให้เหมาะสมและไม่เกิดความคลาดเคลื่อน 

7.ระวังกลโกงการซื้อขายที่ดิน

แม้การซื้อขายที่ดินจะทำผ่านเอกสารที่เป็นทางการ แต่ก็มีกรณีผู้ซื้อถูกหลอก เช่น 

    • โฉนดปลอม 
    • ผู้แอบอ้างเป็นเจ้าของ 
    • การขายซ้ำให้หลายราย 
    • ผู้ขายรับเงินมัดจำแล้วไม่โอน 
    • แอบนำที่ดินคนอื่นมาขาย 

เพื่อป้องกันปัญหาเหล่านี้ ควรปฏิบัติดังนี้: 

    • ตรวจสอบเอกสารกับสำนักงานที่ดินเท่านั้น 
    • ไม่มอบเงินสดหรือเงินมัดจำให้บุคคลใดโดยไม่มีหลักฐาน 
    • ใช้บัญชีธนาคารที่ชื่อผู้ขายเท่านั้นในการโอนเงิน 
    • ขอถ่ายรูปคู่กับผู้ขายและเอกสาร ณ วันที่ทำสัญญา 
    • ปรึกษานักกฎหมายหรือนิติกรของสำนักงานเขต 

สรุป: ซื้อขายที่ดินให้ปลอดภัย ต้องมีความรู้และการตรวจสอบรอบด้าน

การซื้อขายที่ดินไม่ใช่แค่เรื่องของเอกสารเท่านั้น แต่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย สิทธิครอบครอง และการเงิน ซึ่งทุกขั้นตอนต้องมีความรอบคอบ ตรวจสอบข้อมูลจากสำนักงานที่ดิน และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเสมอ 

หากคุณมีโฉนดที่ดินและต้องการแปลงเป็นเงินทุนอย่างรวดเร็ว ปลอดภัย ไม่ต้องจดจำนอง บริษัท เพื่อนแท้ เงินด่วน จำกัด มีบริการสินเชื่อโฉนดที่ดินที่อนุมัติง่าย ดอกเบี้ยต่ำ และให้วงเงินสูง พร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญดูแลทุกขั้นตอน 

เพื่อนแท้ เงินด่วน

บทความยอดนิยม