หลายคนที่มีภาระหนี้สินเชื่อโฉนดที่ดิน เมื่อเวลาผ่านไปอาจพบว่าการผ่อนชำระรายเดือนเริ่มเป็นเรื่องยาก เพราะสภาพคล่องทางการเงินไม่เหมือนเดิม รายได้ลดลง ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น หรือมีเหตุการณ์ฉุกเฉินเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว คำถามคือ “ถ้าผ่อนไม่ไหวควรทำอย่างไร” หนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมคือ การรีไฟแนนซ์สินเชื่อโฉนดที่ดิน ซึ่งหลายคนสงสัยว่า วิธีนี้จะช่วยได้จริงหรือไม่ และมีข้อดีข้อเสียอย่างไร บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกทุกแง่มุมของการรีไฟแนนซ์ รวมถึงแนวทางการตัดสินใจที่เหมาะสม
เข้าใจพื้นฐานของสินเชื่อโฉนดที่ดิน
สินเชื่อโฉนดที่ดิน คือ การนำโฉนดที่ดินมาใช้เป็นหลักประกันเงินกู้ ไม่ว่าจะเป็นที่ดินเปล่า ที่อยู่อาศัย หรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ผู้กู้สามารถใช้สิทธิ์นี้ในการขอวงเงินกู้ที่สูงกว่าสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน จุดเด่นคือ
- ได้วงเงินสูง (บางบริษัทปล่อยสูงสุดถึง 130% ของราคาประเมิน)
- ดอกเบี้ยต่ำกว่าสินเชื่อส่วนบุคคล
- ระยะเวลาผ่อนนาน ทำให้ภาระต่อเดือนเบาลง
บริษัท เพื่อนแท้ เงินด่วน จำกัด เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการสินเชื่อโฉนดที่ดินที่ลูกค้าให้ความเชื่อมั่น เพราะอนุมัติไว วงเงินสูง และไม่ต้องเสียเวลาไปจดจำนองที่กรมที่ดิน ลูกค้าสามารถทำสัญญาและรับเงินได้รวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม หากผ่อนต่อไปไม่ไหวเพราะดอกเบี้ยและภาระรายเดือนสูงเกินกำลัง การรีไฟแนนซ์อาจเป็นทางออกที่ช่วยให้สภาพคล่องกลับคืนมา
รีไฟแนนซ์คืออะไร และต่างจากสินเชื่อใหม่อย่างไร
รีไฟแนนซ์ (Refinance) คือ การกู้เงินใหม่เพื่อไปปิดหนี้ก้อนเก่าที่มีอยู่ แล้วเปลี่ยนมาเป็นหนี้ก้อนใหม่กับเจ้าหนี้รายเดิมหรือรายใหม่ จุดประสงค์คือเพื่อให้ได้เงื่อนไขที่ดีกว่า เช่น
- ดอกเบี้ยต่ำลง
- ค่างวดผ่อนรายเดือนน้อยลง
- ระยะเวลาผ่อนที่ยาวขึ้น
- หรือได้เงินกู้เพิ่มหากต้องการสภาพคล่อง
ความแตกต่างระหว่าง “กู้ใหม่” กับ “รีไฟแนนซ์” อยู่ที่วัตถุประสงค์ หากกู้ใหม่คือการเพิ่มหนี้ แต่รีไฟแนนซ์คือการ “จัดระเบียบหนี้เดิม” ให้ง่ายขึ้นในการบริหาร
ข้อดีและข้อควรระวังของการรีไฟแนนซ์สินเชื่อโฉนดที่ดิน
การรีไฟแนนซ์มีทั้งประโยชน์และข้อจำกัด ผู้กู้ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ
ข้อดี
- ลดดอกเบี้ย – หากเจอเจ้าหนี้รายใหม่ที่ให้ดอกเบี้ยต่ำกว่า จะช่วยลดต้นทุนการกู้
- ลดค่างวดรายเดือน – การขยายเวลาผ่อนทำให้ยอดผ่อนต่อเดือนลดลง
- เพิ่มวงเงินกู้ – บางครั้งผู้กู้สามารถขอวงเงินเพิ่มได้ หากที่ดินมีมูลค่าและสภาพคล่องสูง
- ปรับโครงสร้างหนี้ – จากหนี้ก้อนใหญ่ที่จ่ายไม่ไหว กลายเป็นหนี้ก้อนใหม่ที่จ่ายไหวขึ้น
ข้อควรระวัง
- ค่าใช้จ่ายแฝง – การรีไฟแนนซ์อาจมีค่าธรรมเนียม เช่น ค่าประเมิน ค่าทำสัญญา
- ระยะเวลาผ่อนยาวขึ้น – แม้ค่างวดต่อเดือนลด แต่เมื่อรวมทั้งหมดอาจจ่ายดอกเบี้ยมากกว่าเดิม
- เสี่ยงเสียที่ดิน – หากไม่สามารถชำระตามเงื่อนไขใหม่ได้ ก็ยังคงเสี่ยงต่อการถูกยึดทรัพย์
ดังนั้น ผู้กู้ต้องวิเคราะห์ความสามารถในการชำระหนี้อย่างรอบคอบ
กระบวนการรีไฟแนนซ์สินเชื่อโฉนดที่ดิน
ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์มีความคล้ายคลึงกับการกู้สินเชื่อใหม่ โดยทั่วไปจะมีดังนี้
- การตรวจสอบหนี้เดิม – คำนวณยอดหนี้คงเหลือ ดอกเบี้ย และสัญญาเดิม
- การเลือกสถาบันการเงินใหม่ – เปรียบเทียบดอกเบี้ย เงื่อนไข และวงเงินที่เสนอ
- การยื่นเอกสาร – ใช้เอกสารคล้ายการกู้ใหม่ เช่น โฉนดที่ดิน บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน บัญชีธนาคาร
- การประเมินมูลค่าที่ดิน – เจ้าหนี้รายใหม่จะประเมินมูลค่าหลักทรัพย์
- การทำสัญญาใหม่และปิดหนี้เก่า – เจ้าหนี้รายใหม่ชำระหนี้แทน แล้วทำสัญญาใหม่กับผู้กู้
สำหรับ เพื่อนแท้ เงินด่วน กระบวนการรีไฟแนนซ์ใช้เวลาไม่นาน เพราะมีทีมงานมืออาชีพที่ช่วยดูแลและประสานงานครบทุกขั้นตอน ลูกค้าสามารถรับเงินได้ไว ไม่ยุ่งยาก
ควรรีไฟแนนซ์เมื่อใด และเหมาะกับใครบ้าง
ไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมาะกับการรีไฟแนนซ์ ผู้กู้ควรพิจารณาในกรณีเหล่านี้
- อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันสูงกว่าตลาดมาก
- ภาระหนี้ต่อเดือนเกินความสามารถในการจ่าย
- ต้องการเงินสดเพิ่มเพื่อสภาพคล่อง
- มีที่ดินที่ยังมีมูลค่ามากพอในการกู้ใหม่
ในทางกลับกัน หากผู้กู้ผ่อนใกล้หมดแล้ว หรือค่าธรรมเนียมรีไฟแนนซ์สูงเกินไป ก็อาจไม่คุ้มที่จะเปลี่ยน
สรุป
เมื่อการผ่อนชำระสินเชื่อโฉนดที่ดินเริ่มเป็นภาระหนัก การรีไฟแนนซ์ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยลดดอกเบี้ยและทำให้ค่างวดต่อเดือนเบาลง อย่างไรก็ตาม ผู้กู้ควรพิจารณาเงื่อนไขให้รอบคอบ ทั้งเรื่องดอกเบี้ยใหม่ ระยะเวลาผ่อน และค่าใช้จ่ายแฝง หากเลือกผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือ เช่น บริษัท เพื่อนแท้ เงินด่วน จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อโฉนดที่ดินที่พร้อมช่วยเหลือลูกค้าทุกขั้นตอน การรีไฟแนนซ์ก็สามารถเป็นทางออกที่ช่วยฟื้นสภาพคล่องได้จริง โดยไม่ต้องเสี่ยงเสียที่ดินหรือจมอยู่กับหนี้เดิมที่ไม่ไหวต่อไป






