จำนองที่ดิน โฉนดอยู่กับใคร ตอบชัดทุกสิทธิ์ผู้ยื่นกู้ที่ควรรู้

จำนองที่ดิน โฉนดอยู่กับใคร

เมื่อต้องการเงินทุนหมุนเวียนก้อนใหญ่ การนำที่ดินไปเป็นหลักประกันเพื่อขอสินเชื่อมักเป็นทางเลือกแรกๆ ที่หลายคนนึกถึง แต่คำถามที่สร้างความกังวลใจมากที่สุดคือ จำนองที่ดินแล้วโฉนดอยู่กับใคร? หลายคนกลัวว่าโฉนดจะไม่อยู่กับตัวเอง หรือสิทธิ์ในที่ดินจะหายไป บทความนี้จะให้คำตอบที่ชัดเจน เพื่อให้ผู้จำนองเข้าใจสถานะของโฉนด สิทธิ์ที่ตนเองยังมีอยู่ และขั้นตอนที่ถูกต้องก่อนตัดสินใจทำสัญญา วันนี้เพื่อนแท้เงินด่วนจะพาไปทำความเข้าใจเรื่องนี้อย่างถ่องแท้

การจำนองที่ดินคืออะไร

การจำนองที่ดิน (Land Mortgage) ในทางกฎหมาย หมายถึง การนำโฉนดที่ดิน (ซึ่งเป็นเอกสารสิทธิ์) ไปจดทะเบียนเป็นหลักประกันในการชำระหนีกับผู้รับจำนอง (เจ้าหนี้) โดยที่ผู้จำนอง (เจ้าของที่ดิน) ไม่จำเป็นต้องส่งมอบที่ดินนั้นให้แก่เจ้าหนี้ ยังคงสามารถอยู่อาศัยหรือใช้ประโยชน์ในที่ดินนั้นได้ตามปกติ พูดง่ายๆ คือ เราเอาโฉนดไป “ค้ำ” หนี้ไว้ แต่ตัวเรายังใช้ที่ดินได้เหมือนเดิม

การจำนองจะมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย ก็ต่อเมื่อได้ทำเป็นหนังสือและนำไปจดทะเบียนต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานที่ดินที่ที่ดินนั้นตั้งอยู่เท่านั้น หากทำสัญญากันเองโดยไม่ไปจดทะเบียนที่สำนักงานที่ดิน การจำนองนั้นจะถือเป็น “โมฆะ”

"จำนอง" กับ "ขายฝาก" ต่างกันอย่างไร (จุดสำคัญที่ต้องรู้)

นี่คือประเด็นสำคัญที่สร้างความสับสนมากที่สุด และเป็นจุดที่ต้องทำความเข้าใจอย่างชัดเจนก่อนทำธุรกรรมใดๆ เพราะแม้ภายนอกจะดูคล้ายกัน (การนำที่ดินไปแลกเงิน) แต่ผลทางกฎหมายนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

1. การจำนอง (Mortgage)

  • กรรมสิทธิ์ (Ownership) ยังคงเป็นของผู้จำนอง (เจ้าของเดิม) 100%
  • การผิดนัดชำระ หากผู้จำนองผิดนัดชำระหนี้ ผู้รับจำนอง (เจ้าหนี้) ไม่สามารถยึดที่ดินนั้นได้ทันที ต้องดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลเพื่อขอบังคับจำนองและให้ศาลสั่งนำที่ดินไปขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระหนี้
  • การไถ่ถอน คือ การชำระหนี้คืนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย เมื่อครบถ้วนก็ไปจดทะเบียนไถ่ถอนจำนอง

2. การขายฝาก (Sale with Right of Redemption)

  • กรรมสิทธิ์ (Ownership) โอนไปเป็นของผู้รับซื้อฝาก (เจ้าหนี้) ทันทีที่จดทะเบียน ณ สำนักงานที่ดิน
  • การผิดนัดชำระ หากผู้ขายฝาก (เจ้าของเดิม) ไม่มาไถ่ถอน (ซื้อคืน) ภายในกำหนดเวลาในสัญญา ที่ดินนั้นจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้รับซื้อฝากโดยสมบูรณ์ทันที โดยที่ผู้รับซื้อฝากไม่จำเป็นต้องฟ้องร้องใดๆ
  • การไถ่ถอน คือการซื้อคืนภายในระยะเวลาที่กำหนด (สินไถ่)

โดยสรุป การจำนองมีความเสี่ยงน้อยกว่าสำหรับเจ้าของที่ดิน เพราะกรรมสิทธิ์ยังเป็นของเรา แต่การขายฝากนั้นมีความเสี่ยงสูงกว่ามาก เพราะกรรมสิทธิ์ถูกโอนไปทันที

ไขข้อสงสัยเมื่อ จำนองที่ดิน โฉนดจะต้องอยู่กับใคร

คำตอบคือ โฉนดที่ดินฉบับจริงจะต้องอยู่กับ “ผู้รับจำนอง” (เจ้าหนี้) เสมอ ไม่ว่าผู้รับจำนองจะเป็นสถาบันการเงิน (เช่น ธนาคาร) หรือบุคคลทั่วไป เมื่อมีการจดทะเบียนจำนองที่สำนักงานที่ดินเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่จะสลักหลังโฉนด (บันทึกรายละเอียดการจำนองไว้ด้านหลังโฉนด) จากนั้น โฉนดฉบับจริงจะถูกส่งมอบให้ผู้รับจำนองเก็บรักษาไว้ตลอดอายุสัญญา หรือจนกว่าผู้จำนองจะชำระหนี้คืนทั้งหมด ส่วนผู้จำนอง (เจ้าของที่ดิน) จะได้รับ “สำเนาโฉนด” และ “สัญญาจำนอง” (หนังสือสัญญากู้ยืมเงินและสัญญาจำนอง) กลับมาเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ทำไมโฉนดต้องอยู่กับผู้รับจำนอง

เหตุผลที่กฎหมายและแนวปฏิบัติกำหนดให้ผู้รับจำนองเป็นผู้เก็บรักษาโฉนดฉบับจริงนั้น ชัดเจนและตรงไปตรงมา นั่นคือ เพื่อเป็นหลักประกันที่รัดกุมที่สุดสำหรับเจ้าหนี้

การที่ผู้รับจำนองถือโฉนดตัวจริงไว้ เป็นการล็อกทรัพย์สินนั้น ป้องกันไม่ให้ผู้จำนอง (เจ้าของที่ดิน) แอบนำโฉนดฉบับเดียวกันนี้ไปทำธุรกรรมซ้ำซ้อน เช่น นำไปขาย, โอนให้ผู้อื่น, หรือนำไปจดจำนองเป็นหลักประกันกับเจ้าหนี้รายอื่นอีก (การจำนองซ้อน) หากไม่มีโฉนดฉบับจริง ก็จะไม่สามารถดำเนินการจดทะเบียนนิติกรรมใดๆ ที่สำนักงานที่ดินได้เลย จึงเป็นการสร้างความมั่นใจสูงสุดให้กับผู้รับจำนองว่าหลักประกันยังคงอยู่

"ผู้จำนอง" (เจ้าของที่ดิน) ยังมีกรรมสิทธิ์และสิทธิ์อะไรบ้าง

แม้ว่าโฉนดไปอยู่ที่เจ้าหนี้ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ กรรมสิทธิ์ยังอยู่กับเรา ผู้จำนองยังคงมีสิทธิ์ในที่ดินเกือบทุกประการ ดังนี้

สิทธิ์ในการเป็นเจ้าของ (กรรมสิทธิ์) ยังคงอยู่

ผู้จำนองยังมีสิทธิ์เต็มที่ในการอยู่อาศัยบนที่ดินนั้น หรือหากเป็นที่ดินเพื่อการเกษตร ก็สามารถทำเกษตรกรรมได้ตามปกติ หากเป็นที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่ปล่อยเช่า ผู้จำนองยังคงมีสิทธิ์เก็บค่าเช่าและใช้ประโยชน์จากรายได้นั้น

ข้อจำกัด ไม่สามารถขายหรือโอนย้ายได้ หากไม่ได้รับความยินยอมจากผู้รับจำนอง: นี่คือข้อจำกัดหลักเพียงข้อเดียว แม้กรรมสิทธิ์จะเป็นของเรา แต่เนื่องจากที่ดินติดภาระจำนองอยู่ การจะขาย โอน หรือยกให้ผู้อื่น จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้รับจำนองก่อน หรือต้องทำการไถ่ถอนจำนองให้เสร็จสิ้นเสียก่อน

เปรียบเทียบการจำนองที่ดิน สถาบันการเงิน vs บุคคลทั่วไป

การตัดสินใจว่าจะจำนองที่ดินกับใครนั้น มีผลต่อกระบวนการและความน่าเชื่อถือที่แตกต่างกัน การทำความเข้าใจความแตกต่างนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นก่อนการตัดสินใจ

กรณีจำนองกับสถาบันการเงิน (ธนาคาร)

การจำนองกับสถาบันการเงิน หรือผู้ให้บริการสินเชื่อที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีกระบวนการที่เป็นมาตรฐานสูง โฉนดที่ดินของเราจะถูกเก็บรักษาไว้ในระบบความปลอดภัยขั้นสูงสุด (เช่น ตู้เซฟนิรภัยกันไฟ) มีการตรวจสอบที่รัดกุม อัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดและอ้างอิงกับตลาด (เช่น MRR, MLR) สัญญาทุกอย่างชัดเจนและเป็นธรรมตามประกาศของ ธปท. แม้กระบวนการอนุมัติอาจใช้เวลาและต้องใช้เอกสารหลายอย่าง แต่ก็มีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือสูงสุด

กรณีจำนองกับบุคคลทั่วไป (ข้อควรระวัง)

การจำนองกับบุคคลทั่วไป (นายทุน) อาจมีความรวดเร็วและยืดหยุ่นในการอนุมัติมากกว่า แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงกว่า สิ่งที่ต้องย้ำและห้ามพลาดเด็ดขาด คือ สัญญาจำนองทุกฉบับ ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานที่ดินเท่านั้น หากทำสัญญากู้ยืมเงินกันเอง และยึดโฉนดตัวจริงไว้โดยไม่ไปกรมที่ดิน ถือว่าไม่เป็นการจำนองและเป็นโมฆะทางกฎหมาย ข้อควรระวังคือเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่อาจสูงเกินกฎหมายกำหนด (เกิน 15% ต่อปี) และความไม่ชัดเจนของสัญญา

จำนองที่ดินโฉนดต้องอยู่กับใคร

ขั้นตอนการไถ่ถอนจำนอง เพื่อขอโฉนดที่ดินคืน

เป้าหมายสูงสุดของการจำนองคือการชำระหนี้จนครบ และได้โฉนดที่ดินปลอดภาระกลับคืนมา ซึ่งกระบวนการนี้เรียกว่าการไถ่ถอนจำนอง

เมื่อชำระหนี้ครบถ้วน ต้องทำอย่างไรต่อ

เมื่อผู้จำนองชำระเงินต้นและดอกเบี้ยคืนแก่ผู้รับจำนองจนครบถ้วนตามสัญญาแล้ว (ไม่ว่าจะผ่อนชำระจนครบ หรือการโปะปิดยอดทั้งหมด) ขั้นตอนแรกคือการติดต่อผู้รับจำนอง (เจ้าหนี้) เพื่อแจ้งความประสงค์ในการไถ่ถอน

ผู้รับจำนองจะทำการตรวจสอบยอดหนี้ และเมื่อยืนยันว่าไม่มีหนี้ค้างชำระแล้ว จะออกเอกสารสำคัญเพื่อใช้ในการไถ่ถอนที่สำนักงานที่ดิน ได้แก่ หนังสือยืนยันการชำระหนี้ครบถ้วน และ หนังสือมอบอำนาจ (หากผู้รับจำนองไม่สะดวกไปดำเนินการเอง) พร้อมทั้งนัดหมายวันที่จะนำโฉนดฉบับจริงไปพบกันที่สำนักงานที่ดิน

การจดทะเบียนไถ่ถอน ณ สำนักงานที่ดิน

ขั้นตอนสุดท้ายคือการไปปลดล็อกที่ดินของเราให้เป็นอิสระ โดยทั้งผู้จำนองและผู้รับจำนอง (หรือผู้รับมอบอำนาจ) ต้องไปดำเนินการร่วมกัน ณ สำนักงานที่ดินที่ที่ดินนั้นตั้งอยู่

  1. ยื่นเอกสาร ยื่นคำขอไถ่ถอนจำนอง, สัญญาจำนองฉบับเดิม, โฉนดที่ดินฉบับจริง, และเอกสารยืนยันการปิดหนี้
  2. ชำระค่าธรรมเนียม จะมีค่าธรรมเนียมการไถ่ถอนจำนองเล็กน้อย (ปกติประมาณ 50 บาทต่อแปลง หรือตามที่กรมที่ดินกำหนด)
  3. เจ้าหน้าที่สลักหลัง เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเอกสาร และเมื่อถูกต้อง จะทำการ “สลักหลังโฉนด” โดยประทับตรา “ไถ่ถอน” หรือ “ปลอดภาระจำนอง” ลงบนด้านหลังของโฉนด
  4. รับโฉนดคืน ผู้จำนองจะได้รับโฉนดที่ดินฉบับจริงที่ปลอดภาระแล้ว กลับคืนมาในวันนั้น ถือเป็นอันสิ้นสุดสัญญาจำนองโดยสมบูรณ์

คำถามที่พบบ่อยเรื่องจำนองโฉนดที่ดิน

จำนองแล้ว อยากไถ่ถอนโฉนดคืนก่อนกำหนด ทำได้ไหม

ทำได้ โดยทั่วไป สัญญาจำนองส่วนใหญ่ (โดยเฉพาะกับบุคคลทั่วไป) อนุญาตให้ผู้จำนองสามารถชำระหนี้ทั้งหมดเพื่อปิดบัญชีและไถ่ถอนโฉนดคืนได้ก่อนครบกำหนดสัญญา อย่างไรก็ตาม หากเป็นการจำนองกับสถาบันการเงิน บางสัญญาอาจมีเงื่อนไข “ค่าปรับในการไถ่ถอนก่อนกำหนด” (Prepayment Penalty) โดยเฉพาะในช่วงที่ดอกเบี้ยคงที่ (เช่น 3 ปีแรก) จึงควรตรวจสอบรายละเอียดในสัญญาเงินกู้ให้ชัดเจนก่อนดำเนินการ

ถ้าผิดนัดชำระหนี้ จะถูกยึดที่ดินทันทีหรือไม่

ไม่ทันที และนี่คือข้อดีของการ “จำนอง” เทียบกับการ “ขายฝาก” หากผู้จำนองผิดนัดชำระหนี้ ผู้รับจำนองไม่สามารถมายึดที่ดินไปเป็นของตนเองได้ทันทีตามอำเภอใจ แต่ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมายอย่างเคร่งครัด คือ:

  1. ส่งหนังสือบอกกล่าว (Notice) ให้ผู้จำนองชำระหนี้ภายในเวลาที่กำหนด (ปกติ 30-60 วัน)
  2. หากยังไม่ชำระ ผู้รับจำนองต้องยื่น “ฟ้องศาล” เพื่อบังคับจำนอง
  3. เมื่อศาลมีคำพิพากษา จึงจะสามารถนำที่ดินนั้นเข้าสู่กระบวนการ “บังคับคดี” เพื่อ “ขายทอดตลาด” กระบวนการทั้งหมดนี้ใช้เวลาหลายเดือนหรืออาจเป็นปี

ทำสัญญาจำนองกันเอง ไม่ไปกรมที่ดิน มีผลบังคับทางกฎหมายไหม?

ไม่มีผลในฐานะ “การจำนอง” ตามกฎหมาย การจำนองจะถือเป็น “โมฆะ” (Void) ทันทีหากไม่ได้จดทะเบียนต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานที่ดิน แม้ผู้รับจำนองจะยึดโฉนดตัวจริงของเราไป สัญญานั้นอาจมีผลเป็นเพียง “สัญญากู้ยืมเงิน” ธรรมดาเท่านั้น และที่ดินนั้นไม่ได้ถูกใช้เป็นหลักประกัน หนี้ก้อนนั้นจะกลายเป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน และเจ้าหนี้ไม่สามารถบังคับจำนองกับที่ดินได้ (ทำได้เพียงฟ้องเรียกเงินกู้คืนตามปกติ)

ถ้าผู้รับจำนอง (เจ้าหนี้) เสียชีวิต หนี้เป็นโมฆะหรือไม่?

หนี้ไม่เป็นโมฆะ สัญญาจำนองยังคงมีผลบังคับใช้ สิทธิในการรับจำนอง (สิทธิในการรับชำระหนี้) ของผู้รับจำนองที่เสียชีวิต จะตกเป็น “มรดก” แก่ทายาทโดยธรรม หรือผู้รับพินัยกรรมของผู้รับจำนอง ดังนั้น ผู้จำนอง (ลูกหนี้) ยังคงมีหน้าที่ชำระหนี้ตามปกติ แต่ต้องชำระให้กับทายาทที่ถูกต้องตามกฎหมาย และเมื่อชำระครบ ทายาทเหล่านั้นก็มีหน้าที่ในการดำเนินการไถ่ถอนจำนองให้เราเช่นกัน

โฉนดที่ดินติดจำนอง สามารถขายต่อได้หรือเปล่า?

ขายได้ แต่มีขั้นตอนที่ซับซ้อนกว่าปกติ และต้องได้รับความยินยอมจากผู้รับจำนองเสมอ โดยทั่วไปมี 2 วิธี

  1. ขายแบบปลอดภาระ ผู้ซื้อและผู้ขายตกลงกัน นำเงินค่าที่ดินส่วนหนึ่งไปชำระหนี้เพื่อไถ่ถอนจำนองที่สำนักงานที่ดินในวันเดียวกันกับการโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้ซื้อใหม่
  2. ขายแบบโอนภาระจำนอง ผู้ซื้อตกลงที่จะรับภาระหนี้จำนองนั้นต่อไป ซึ่งวิธีนี้จำเป็นต้องให้ผู้รับจำนอง (เจ้าหนี้) ยินยอมและประเมินความสามารถของผู้ซื้อใหม่ด้วย
สรุปจำนองที่ดินโฉนดอยู่กับใคร

สรุปบทความ

โดยสรุป คำถามที่ว่า จำนองที่ดินโฉนดอยู่กับใครนั้น คำตอบคือโฉนดฉบับจริงจะอยู่กับผู้รับจำนองเพื่อเป็นหลักประกัน แต่กรรมสิทธิ์ในที่ดินยังคงเป็นของผู้จำนองอย่างสมบูรณ์ ผู้จำนองยังมีสิทธิ์ใช้ประโยชน์ในที่ดินได้ทุกประการ และจะได้โฉนดคืนเมื่อชำระหนี้ครบถ้วนและไปจดทะเบียนไถ่ถอนที่สำนักงานที่ดิน 

หากคุณกำลังมองหาทางเลือกในการไถ่ถอนจำนองจากที่เดิมที่ดอกเบี้ยสูง หรือต้องการแหล่งเงินทุนใหม่ที่เข้าใจง่ายและโปร่งใส เพื่อนแท้ เงินด่วน พร้อมช่วยให้การขอสินเชื่อเป็นเรื่องง่าย ด้วยบริการสินเชื่อที่หลากหลาย ให้วงเงินสูงสุดถึง 130% ของราคาประเมิน และช่วยลดภาระขั้นตอนที่ยุ่งยากในการจดจำนองที่กรมที่ดิน ให้คุณได้รับเงินทุนไปใช้จ่ายได้อย่างรวดเร็วและสบายใจ

เพื่อนแท้ เงินด่วน

บทความยอดนิยม