หนังสือมอบอำนาจ เป็นหนังสือที่ลงเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อมอบให้กับบุคคลอื่นทำธุรกรรมแทนเรา ไม่ว่าจะเป็นธุระส่วนตัว หรือธุรกรรมทางกฎหมาย เราจะเรียกบุคคลที่เป็นเจ้าของอำนาจว่าเป็น “ตัวการ” และ เรียกบุคคลที่ได้รับอำนาจแทนเราว่าเป็น “ตัวแทน” เวลาเราให้ ตัวแทน ไปทำธุรการแทนเรา กฎหมายจะให้ความสำคัญกับ ตัวแทน เสมือนว่าเป็น ตัวการ เรียกง่ายๆว่า ตัวแทน สามารภมีสิทธิในการทำธุรการแทนตัวการทุกอย่าง แต่การที่จะมอบอำนาจแต่ละครั้งต้องมีสาระสำคัญครบถ้วน ควรใช้แบบพิมพ์ของกรมที่ดินโดยตัวการจะต้องทำหลักฐานการมอบอำนาจเป็นหนังสือให้ตัวแทน ควรมอบทะเบียนบ้านและบัตรประจำตัวประชาชนฉบับจริงให้กับผู้รับมอบอำนาจไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ด้วย เหตุผลที่ต้องใช้ตัวจริงก็เพราะว่าจะทำให้การทำทุจริตทำได้ยากขึ้นนั่นเองค่ะ หากใช้แค่ภาพถ่ายก็จะปลอมง่าย สำนักงานที่ดินก็เลยต้องรักษาผลประโยชน์ให้ได้มากที่สุด และที่สำคัญเจ้าของที่ดินและผู้ที่จะซื้อที่ดินจะต้องมีความรอบคอบและระมัดระวัง เพราะอาจจะเกิดการฉ้อโกงหรืออาจจะทำให้เกิดความเสียยหายร้ายแรงขึ้นได้ในภายหลังได้ค่ะ
การมอบอำนาจเท่ากับว่านิติกรรมที่เราให้ตัวแทนไปทำคือการกระทำของเราเอง โดยทั่วไปแล้วหนังสือที่ใช้มอบอำนาจไม่มีวันหมดอายุ แต่จะใช้ยังไงให้ปลอดภัย ไม่โดนโกงมาดูวิธีกัน⁉️
***ในหนังสือมอบอำนาจจะมีคนอยู่ 2 คนคือ “ตัวการกับตัวแทน”
✅ ตัวการกำหนดเวลา
อายุการใช้งานของหนังสือมอบอำนาจที่ดินเป็นสิ่งที่ง่ายและเป็นที่นิยมทำกันมากโดยตัวการหรือเจ้าของกรรมสิทธิ์จะเป็นผู้ที่มอบฉันทะให้ตัวแทนไปดำเนินการต่าง ๆที่กรมที่ดิน ทำให้ทราบได้อย่างชัดเจนว่าอำนาจนั้นเริ่มต้นและสิ้นสุดตอนไหน หลังจากนั้นเจ้าของที่ดินและผู้ซื้อก็จะนัดหมายในการชำระเงินค่าที่ดินและโอนกรรมสิทธิ์หลังจากมีการลงนามสัญญาซื้อขาย การกำหนดเวลาถือเป็นการกำหนดเวลาให้ตัวแทนดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนดและยังช่วยป้องกันปัญหาการชำระเงินล่าช้า เพราะจะทำให้เกิดความยุ่งยากซับซ้อนและอาจจะเสียค่าปรับได้
✅ ตัวการกำหนดเงื่อนไข
เงื่อนไขในที่นี่ คือการกำหนดรายละเอียดว่าตัวแทนสามารถดำเนินการแทนเจ้าของกรรมสิทธิ์ เช่น การซื้อขายที่ดินเท่านั้น รวมถึงสามารถกำหนดพื้นที่ที่ตัวแทนสามารถใช้อำนาจแทนการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ และยิ่งมีตัวกำหนดเงื่อนไขให้ละเอียดมากขึ้นเท่าใดความเสี่ยงที่จะถูกตัวแทนฉ้อโกงก็จะลดน้อยลงไปเท่านั้น ถือเป็นการกำหนดที่ปลอดภัยและสามารถป้องกันการฉ้อโกงได้
ข้อความหลังใบมอบอำนาจ
1. ให้กรอกเครื่องหมายหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินหรือ อสังหาริมทรัพย์ เช่น ตึก,บ้านเรือน,โรงแรม ให้ถูกต้องชัดเจน
2. ให้ระบุเรื่องและอำนาจจัดการให้ชัดเจนว่า มอบอำนาจให้ใครไปทำอะไรแทน เช่น การซื้อขาย การจำนอง ฯลฯ ถ้ามีเงื่อนไขพิเศษเพิ่มเติมก็ให้ระบุไว้ด้วย
3. ควรกรอกข้อความให้เหมือนกันและใช้ปากกาแท่งเดียวกันหรือถ้าหากเป็นพิมพ์ดีดก็ต้องเป็นเครื่องเดียวกัน
4. ถ้ามีการขูดลบ ตกเติม แก้ไข ขีดฆ่า ต้องลงลายมือชื่อกำกับไว้ด้วยทุกแห่งด้วย
5. อย่าลงลายมือชื่อผู้มอบอำนาจก่อนกรอกข้อความ ควรจะกรอกให้ครบถ้วนและถูกต้องตามความประสงค์แล้วหรืออย่าลงชื่อในกระดาษเปล่าซึ่งยังมิได้กรอกข้อความเด็ดขาด
6. ควรมีพยานอย่างน้อย 1 คน ถ้าผู้มอบอำนาจพิมพ์ลายนิ้วมือต้องมีพยาน 2 คน และพยานจะต้องเซ็นชื่อเท่านั้นพิมพ์ลายนิ้วมือไม่ได้นะคะ
7. หากทำหนังสือมอบอำนาจในต่างประเทศจะต้องให้สถานทูต หรือสถานกงสุล หรือโนตารีปับลิค (notary public) รับรองด้วยเพราะบางครั้งผู้รับมอบอำนาจอาจจะเป็นผู้รับมอบอำนาจจากทั้งสองฝ่าย ทั้งผ่ายตัวการ และฝ่ายตัวแทน และผู้มอบอำนาจในกรณีนี้ฝ่ายผู้มอบอำนาจจะต้องระบุในหนังสือด้วยว่า ยินยอมให้ผู้รับมอบเป็นตัวแทนอีกฝ่ายหนึ่งด้วย (มาตรา 805 แห่ง ป.พ.พ.)
วิธีป้องกันการถูกหลอกลวงโฉนดดิน
1. ต้องเก็บรักษาโฉนดไว้ในที่ปลอดภัยอย่าให้สูญหาย ถ้าโฉนดที่ดินหรือ น.ส. 3 เกิดสูญหายขึ้นมาต้องรีบแจ้งความ และไปขอให้เจ้าพนักงานกรมที่ดินออกใบให้ใหม่ทันที
2. อย่าทำสัญญากู้เงินเองเด็ดอันขาด ควรนำโฉนดไปขอตรวจสอบกับสำนักงานที่ดินก่อน เมื่อแน่ใจแล้วให้ขอจดทะเบียนรับจำนอง หรือรับซื้อฝากต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
3. ควรมอบโฉนดให้บุคคลที่เชื่อถือได้เท่านั้น ควรหลีกเลี่ยงการให้โฉนดกับบุคคลอื่นไปพร้อมๆกับบัตรประชาชน
4. อย่าเซ็นชื่อลงในหนังสือมอบอำนาจโดยไม่กรอกข้อความเป็นอันขาด จะต้องกรอกข้อความกำกับไว้อย่างชัดเจนด้วยว่าจะขาย จะจำนอง หรือกับกำข้อความอย่างอื่นให้เรียบร้อยก่อนจะเซ็นใบมอบอำนาจให้บุคคลอื่น
5. ก่อนจะทำการซื้อขาย จดจำนอง หรือธุรการอื่นใดเกี่ยวกับที่ดิน ควรไปตรวจสอบที่ดินด้วยตนเองให้แน่นอนก่อนว่าที่ดินอยู่ที่ใหน สภาพเป็นอย่างไร ราคาเหมาะสมหรือไม่ นอกจากนั้นควรไปขอตรวจสอบหลักฐานที่สำนักงานที่ดินด้วย ถ้าเป็นไปได้ก่อนจะซื้อขายที่ดินควรจะทำการรังวัดเสียก่อน
6. การซื้อที่ดินทุกครั้ง เมื่อได้ชำระเงินแล้วต้องโอนลงชื่อผู้ซื้อทันที
7. ถ้าเราเป็นเจ้าของที่ดิน และได้รับเงินค่าที่ดินยังไม่ครบ ห้ามโอนที่ดินให้ใครเป็นอันอันขาด เว้นแต่กรณีมีหลักประกันที่สมบูรณ์ก่อนการโอน
8. หมั่นตรวจสอบที่ดินของตัวเองทั้งทางทะเบียนและสภาพของดินอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้งแม้จะไม่มีการทำธุรกรรมเกี่ยวกับที่ดินก็ตามเพื่อเช็คว่าที่ดินของท่านยังอยู่ปกติหรือไม่ มีใครมาบุกรุกหรือเปล่า และหลักฐานถูกต้องตามต้นฉบับสำนักงานที่ดินหรือไม่
9. ควรติดต่อกับเจ้าหน้าที่ดินหรือผู้จะซื้อโดยตรงจะดีกว่าผ่านนายหน้า เพราะนายหน้าจะหวังผลประโยชน์เป็นส่วนใหญ่ อาจจะเกิดความเสียหายได้
10. การซื้อที่ดินให้ซื้อจากผู้ที่ไว้วามใจได้เท่านั้นถ้าเป็นผู้ประกอบการให้ซื้อกับผู้ที่ได้รับอนุญาตจัดสรรแล้ว
11. ทำนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินทุกครั้งจะต้องมาจดทะเบียน ณ สำนักงานที่ดิน จึงจะถูกต้องตามกฎหมาย
12. ควรตรวจที่ตั้งที่ดินด้วยตนเองว่าเป็นอย่างไรสภาพดีเหมาะสมกับราคาหรือไม่ก่อนที่จะทำการซื้อขาย
เราสามารถตรวจสอบได้เบื้องต้นโดยไปที่ที่สำนักงานที่ดินว่า ปัจจุบัน กรรมสิทธิ์ในที่ดินเป็นของผู้ใด ( ดูได้จากสารบาญ ) หลังโฉนด หากถูกโกงก็ต้องดูว่า มีสาเหตุมาจากอะไร และการฟ้องให้เพิกถอนการทำนิติกรรมหรือให้นิติกรรมที่ได้กระทำไปแล้วเป็นโมฆะ ไม่ว่าจะเป็นกลฉ้อฉล หรือการข่มขู่ หรือด้วยการกระทำที่ไม่สุจริตต่างๆ ก็ต้องฟ้องร้องต่อศาล แต่ก็ยังมีเรื่องเงื่อนไขของกฎหมายในการดำเนินการไม่ว่าจะเป็นเรื่องอายุความฟ้องร้อง หรือกรณีที่บุคคลภายนอกได้ทรัพย์นั้นไปโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน ปัญหานี้จะต้องดำเนินการทางกฎหมายนะคะ
สรุป
หากจะทำธุรกรรมเกี่ยวกับโฉนดที่ดินแต่เราไม่สะดวกในการทำธุรกรรมโดยตนเอง เราสามารถมอบอำนาจให้ตัวแทนไปทำธุรกรรมแทนเราได้ โดยจะต้องเซ็นเอกสารให้ถูกต้องชัดเจนด้วยทุกครั้ง เพื่อไม่ให้มีการทุจริตเกิดขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นเราจะต้องตรวจสอบความถูกต้องก่อนทุกครั้ง หรือหากมีการเซ็นเอกสารหรือเขียนผิดจะต้องต้องลงลายมือชื่อกำกับไว้ด้วยทุกแห่งด้วย