การแบ่งแยกและรวมโฉนดที่ดิน มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเท่าไหร่

การแบ่งแยกและรวมโฉนดที่ดิน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ

    การจัดการโฉนดที่ดินเป็นกระบวนการสำคัญที่เจ้าของที่ดินควรทำความเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งแยกโฉนดที่ดินหรือการรวมโฉนดที่ดิน การดำเนินการเหล่านี้มีความสำคัญต่อการใช้ประโยชน์จากที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้จะกล่าวถึงรายละเอียดของการแบ่งแยกและรวมโฉนดที่ดิน พร้อมทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ 

การแบ่งแยกโฉนดที่ดินคืออะไร?

การแบ่งแยกโฉนดที่ดินคืออะไร?

    การแบ่งแยกโฉนดที่ดินหมายถึงการนำที่ดินแปลงใหญ่ที่มีโฉนดเพียงฉบับเดียวมาทำการแบ่งออกเป็นที่ดินแปลงเล็ก ๆ หลายแปลง โดยกระบวนการนี้ต้องดำเนินการที่สำนักงานที่ดินในเขตพื้นที่นั้น ๆ ซึ่งการแบ่งแยกโฉนดที่ดินมักจะเกิดขึ้นเมื่อเจ้าของที่ดินต้องการแบ่งมรดก ขายที่ดินบางส่วน หรือใช้ประโยชน์จากที่ดินในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น 

 

ข้อกำหนดและเงื่อนไขของการแบ่งแยกโฉนดที่ดิน 

    • ขนาดที่ดินหลังจากแบ่ง: ขนาดของแปลงที่ดินที่แบ่งออกมาต้องไม่ต่ำกว่าขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด 
    • การเข้าถึงถนนหรือสาธารณูปโภค: แปลงที่ดินใหม่ต้องสามารถเข้าถึงถนนสาธารณะได้ หรือมีทางเข้าออกที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 
    • ไม่มีข้อจำกัดทางกฎหมาย: ที่ดินที่ต้องการแบ่งแยกต้องไม่มีภาระผูกพันที่ขัดต่อกฎหมาย เช่น ถูกเวนคืน หรืออยู่ในพื้นที่ควบคุมพิเศษ 
การรวมโฉนดที่ดินคืออะไร?

การรวมโฉนดที่ดินคืออะไร?

การรวมโฉนดที่ดินคือการนำโฉนดที่ดินที่อยู่ติดกันมากกว่าสองแปลงขึ้นไปมารวมกันเป็นแปลงเดียวกัน การรวมโฉนดนี้เป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการใช้ที่ดินในเชิงพาณิชย์ หรือทำให้การบริหารจัดการที่ดินง่ายขึ้น 

 ข้อกำหนดและเงื่อนไขของการรวมโฉนดที่ดิน 

    • ที่ดินต้องอยู่ติดกัน: โฉนดที่ดินที่จะรวมต้องมีขอบเขตติดกันและไม่มีถนนหรือที่สาธารณะคั่นกลาง 
    • โฉนดต้องเป็นประเภทเดียวกัน: ที่ดินที่จะรวมกันต้องมีสถานะทางกฎหมายเดียวกัน เช่น เป็นที่ดินประเภทเดียวกัน (เช่น ที่ดินเพื่ออยู่อาศัย หรือเพื่อเกษตรกรรม) 
    • ผู้ถือกรรมสิทธิ์ต้องเป็นบุคคลเดียวกัน: เจ้าของที่ดินทุกแปลงต้องเป็นบุคคลเดียวกันหรือเป็นนิติบุคคลเดียวกัน 
    • ไม่มีภาระผูกพันที่ขัดขวาง: ที่ดินต้องไม่มีภาระจำยอมหรือข้อจำกัดที่ทำให้ไม่สามารถรวมกันได้ 
ค่าใช้จ่ายในการแบ่งแยกและรวมโฉนดที่ดิน

ค่าใช้จ่ายในการแบ่งแยกและรวมโฉนดที่ดิน

าใช้จ่ายในการดำเนินการเกี่ยวกับโฉนดที่ดินขึ้นอยู่กับประเภทของการดำเนินการและขนาดของที่ดิน โดยค่าใช้จ่ายหลัก ๆ มีดังนี้ 

 

 ค่าใช้จ่ายในการแบ่งแยกโฉนดที่ดิน 

    • ค่าธรรมเนียมรังวัดที่ดิน 
      • พื้นที่ไม่เกิน 10 ไร่ ค่าธรรมเนียม 50 บาทต่อไร่ (ขั้นต่ำ 200 บาท) 
      • พื้นที่เกิน 10 ไร่ ค่าธรรมเนียม 100 บาทต่อไร่ 
    • ค่าธรรมเนียมการออกโฉนดใหม่: 50 บาทต่อแปลง 
    • ค่าภาษีและอากรแสตมป์: คำนวณตามราคาประเมินของที่ดิน 
    • ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ เช่น ค่าจัดทำเอกสาร ค่าจ้างเจ้าหน้าที่ที่ดิน 

 ค่าใช้จ่ายในการรวมโฉนดที่ดิน 

    • ค่าธรรมเนียมรังวัดที่ดิน: คำนวณตามขนาดของที่ดินเช่นเดียวกับการแบ่งแยก 
    • ค่าธรรมเนียมการออกโฉนดใหม่: 50 บาทต่อแปลง 
    • ค่าภาษีและอากรแสตมป์: อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับราคาประเมินของที่ดิน 
    • ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าจ้างสำรวจ ค่าธรรมเนียมของสำนักงานที่ดิน 
ขั้นตอนการดำเนินการแบ่งแยกและรวมโฉนดที่ดิน

ขั้นตอนการดำเนินการแบ่งแยกและรวมโฉนดที่ดิน

ขั้นตอนการแบ่งแยกโฉนดที่ดิน 

    1. ตรวจสอบคุณสมบัติของที่ดิน ว่าตรงตามเงื่อนไขการแบ่งแยก 
    2. ยื่นคำขอที่สำนักงานที่ดิน โดยเตรียมเอกสารประกอบ เช่น โฉนดที่ดิน บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน และหนังสือรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 
    3. เจ้าหน้าที่ทำการรังวัดและตรวจสอบที่ดิน เพื่อกำหนดขอบเขตที่แน่นอนของที่ดินใหม่ 
    4. ออกโฉนดใหม่ โดยสำนักงานที่ดินจะออกโฉนดแปลงใหม่ให้เจ้าของที่ดิน 

ขั้นตอนการรวมโฉนดที่ดิน 

    1. ตรวจสอบคุณสมบัติของที่ดิน ว่ามีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไข 
    2. ยื่นคำขอที่สำนักงานที่ดิน พร้อมเอกสารที่จำเป็น เช่น โฉนดที่ดิน บัตรประชาชน หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี) 
    3. ดำเนินการรังวัดที่ดิน เพื่อยืนยันว่าที่ดินทั้งหมดสามารถรวมกันได้ 
    4. ออกโฉนดใหม่ หลังจากกระบวนการรวมสำเร็จ สำนักงานที่ดินจะออกโฉนดใหม่ที่แสดงที่ดินเป็นแปลงเดียว 
ข้อดีและข้อเสียของการแบ่งแยกและรวมโฉนดที่ดิน

ข้อดีและข้อเสียของการแบ่งแยกและรวมโฉนดที่ดิน

ข้อดีของการแบ่งแยกโฉนดที่ดิน 

    • สามารถขายหรือโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินบางส่วนได้ 
    • ช่วยให้สามารถจัดการที่ดินให้เหมาะสมกับการใช้งาน 
    • เพิ่มมูลค่าของที่ดินหากแปลงเล็กกว่าสามารถขายได้ราคาสูงขึ้น 

ข้อเสียของการแบ่งแยกโฉนดที่ดิน 

    • มีค่าใช้จ่ายและขั้นตอนการดำเนินการที่ซับซ้อน 
    • หากขนาดที่ดินเล็กเกินไป อาจกระทบต่อการพัฒนาในอนาคต 

ข้อดีของการรวมโฉนดที่ดิน 

    • ทำให้การจัดการที่ดินง่ายขึ้น 

    • สามารถใช้ประโยชน์ที่ดินในเชิงพาณิชย์ได้ดีขึ้น 

    • ลดปัญหาเรื่องเอกสารและภาระภาษีของที่ดินหลายแปลง 

ข้อเสียของการรวมโฉนดที่ดิน 

    • หากต้องการขายที่ดินบางส่วนในอนาคต ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการแบ่งแยกอีกครั้ง 
    • มีข้อจำกัดเกี่ยวกับประเภทการใช้ที่ดินหลังจากรวมแล้ว 

สรุป

    การแบ่งแยกและรวมโฉนดที่ดินเป็นกระบวนการที่สำคัญและมีเงื่อนไขทางกฎหมายที่ต้องพิจารณา ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจะแตกต่างกันไปตามขนาดที่ดินและเงื่อนไขของสำนักงานที่ดิน การแบ่งแยกเหมาะสำหรับเจ้าของที่ต้องการขายหรือจัดการที่ดินเป็นส่วนย่อย ขณะที่การรวมโฉนดเหมาะสำหรับการทำโครงการขนาดใหญ่หรือการบริหารจัดการที่ดินให้เป็นระบบ อย่างไรก็ตาม ทั้งสองกระบวนการมีข้อดีและข้อเสียที่ต้องพิจารณาก่อนดำเนินการ 

 

เพื่อนแท้ เงินด่วน

บทความยอดนิยม