วิธีถมดินให้แข็งแรง สรุปครบทั้งขั้นตอนและข้อควรรู้ก่อนก่อสร้าง

วิธีถมดินให้แข็งแรง

การเตรียมพื้นที่ก่อนการปลูกสร้างเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด แต่หลายคนมักสับสนว่าควรเริ่มต้นอย่างไร ต้องใช้ดินประเภทไหน หรือต้องรอนานเท่าไหร่ดินถึงจะเซตตัว บทความนี้ “เพื่อนแท้ เงินด่วน” จะมาอธิบายเจาะลึกทุกกระบวนการถมดินตั้งแต่การเลือกวัสดุ เทคนิคการบดอัด ไปจนถึงข้อกฎหมายที่ควรรู้ เพื่อให้การปรับปรุงที่ดินของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น แข็งแรง และคุ้มค่าที่สุด พร้อมสำหรับการก่อสร้างในฝัน หรือเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับทรัพย์สินในอนาคต

ทำไมการถมดินจึงสำคัญในการก่อสร้าง

การถมดินไม่ใช่เพียงแค่การนำดินมาเทให้เต็มพื้นที่เพื่อยกระดับความสูงหนีน้ำท่วมเท่านั้น แต่ในทางวิศวกรรมและการบริหารจัดการทรัพย์สิน การถมดินคือการปรับสภาพโครงสร้างพื้นฐานของที่ดินให้มีความมั่นคงแข็งแรงเพียงพอที่จะรองรับน้ำหนักของสิ่งปลูกสร้างในระยะยาว หากละเลยขั้นตอนนี้ อาจนำไปสู่ปัญหาดินทรุดตัว โครงสร้างบ้านแตกร้าว ระบบท่อประปาเสียหาย หรือเกิดน้ำท่วมขังใต้ตัวบ้าน ซึ่งการแก้ไขภายหลังต้องใช้งบประมาณที่สูงมาก การให้ความสำคัญกับการถมดินอย่างถูกวิธีจึงเป็นการลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยง และเป็นการเพิ่มมูลค่าประเมินให้กับที่ดินแปลงนั้นๆ ได้อย่างมีนัยสำคัญ

3 ข้อควรรู้ก่อนถมดิน

ก่อนที่จะติดต่อผู้รับเหมาเพื่อเริ่มงานถมดินเจ้าของที่ดินจำเป็นต้องทำการบ้านและสำรวจปัจจัยแวดล้อมอย่างละเอียด เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างถูกต้องและไม่เกิดข้อพิพาทในภายหลัง โดยมี 3 ปัจจัยหลักที่ต้องพิจารณาดังนี้

ระดับความสูงในการถมดินที่เหมาะสม

การกำหนดระดับความสูงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน โดยปกติควรถมดินให้สูงกว่าระดับถนนหน้าบ้านประมาณ 50-80 เซนติเมตร เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมจากถนนไหลเข้าสู่ตัวบ้าน และเผื่อระยะการทรุดตัวของดินในอนาคต อย่างไรก็ตาม ไม่ควรถมดินสูงจนเกินไปเพราะอาจทำให้บ้านดูลาดชัน เข้าออกลำบาก และอาจส่งผลกระทบต่อเพื่อนบ้าน การคำนวณระดับต้องดูสถิติน้ำท่วมในพื้นที่ย้อนหลังประกอบด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าระดับที่ถมจะปลอดภัยจริง

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการถมดิน

ตามพระราชบัญญัติการขุดดินและถมดิน พ.ศ. 2543 และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หากการ ถมดิน มีพื้นที่เกิน 2,000 ตารางเมตร ต้องขออนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น และต้องจัดให้มีการระบายน้ำที่เพียงพอ ไม่ให้เดือดร้อนแก่ที่ดินข้างเคียง นอกจากนี้ หากถมดินสูงกว่าระดับพื้นที่ข้างเคียง จะต้องเว้นระยะห่างจากแนวเขตที่ดินหรือทำกำแพงกันดินเพื่อป้องกันดินสไลด์ สร้างความเสียหายแก่เพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นประเด็นที่มักเกิดการฟ้องร้องได้บ่อยครั้ง

สภาพเดิมของพื้นที่ก่อนการถมดิน

ต้องสำรวจว่าที่ดินเดิมมีสภาพเป็นอย่างไร หากเป็นบ่อน้ำหรือที่ลุ่มต่ำที่มีน้ำขัง ต้องมีการสูบน้ำออกและลอกเลนโคลนออกให้หมดก่อนเริ่ม ถมดิน เพื่อป้องกันดินใหม่ไหลไปรวมกับเลนจนเกิดการทรุดตัวที่รุนแรง หากเป็นที่ดินรกร้างที่มีเศษวัสดุหรือขยะ ต้องเคลียร์พื้นที่ให้เรียบร้อย การประเมินสภาพดินเดิมจะช่วยให้คำนวณปริมาณดินที่ต้องใช้และเลือกวิธีการบดอัดที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่จริงมากที่สุด

รู้จักดิน 3 ประเภทที่นิยมใช้ในการถมดินที่

การเลือกประเภทของดินให้เหมาะกับวัตถุประสงค์การใช้งาน เป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยควบคุมงบประมาณและรับประกันความแข็งแรงของพื้นที่ โดยทั่วไปดินที่นิยมนำมาใช้ในงานถมดินแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้

  • หน้าดิน ดินแห่งความอุดมสมบูรณ์ หน้าดินคือส่วนผิวดินด้านบนที่มีแร่ธาตุและอินทรียวัตถุสูง เนื้อดินร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถมดินเพื่อทำสวน ปลูกต้นไม้ หรือจัดภูมิทัศน์รอบตัวบ้าน แต่ข้อเสียคือมีราคาสูงที่สุดในบรรดาดินถม และไม่เหมาะกับการนำมาถมเพื่อรองรับโครงสร้างหนักโดยตรงเนื่องจากเนื้อดินมีความหนาแน่นน้อยกว่าดินประเภทอื่น
  • ดินลูกรัง รากฐานที่แข็งแกร่ง ดินลูกรังมีลักษณะหยาบ สีแดงหรือสีส้ม มีส่วนผสมของกรวดและหินปะปนอยู่มาก เมื่อนำมาถมดินและบดอัดจะมีความหนาแน่นสูงและแข็งแรงมาก ทรุดตัวน้อย เหมาะสำหรับการถมเพื่อสร้างบ้าน ทำถนน หรือลานจอดรถ แต่ข้อควรระวังคือดินชนิดนี้ไม่เหมาะกับการเพาะปลูกเนื่องจากมีความเป็นกรดสูงและเนื้อดินแข็งจนรากไม้ชอนไชยาก
  • ดินเหนียวหรือดินถมทั่วไป ทางเลือกประหยัดงบ เป็นดินที่มีเนื้อละเอียด เหนียว อุ้มน้ำได้ดี และมีราคาถูกที่สุด จึงนิยมใช้ในการถมดินในพื้นที่ขนาดใหญ่ หรือใช้ถมยกระดับในส่วนชั้นล่างสุด ก่อนจะท็อปอัพด้วยหน้าดินหรือดินลูกรัง ข้อจำกัดคือระบายน้ำได้ยากและใช้เวลาในการเซตตัวนานกว่าดินประเภทอื่น หากบดอัดไม่ดีอาจเกิดปัญหายุบตัวเป็นหลุมบ่อได้ง่าย
วิธีถมดินแบบต่างๆ

วิธีถมดินแบบอัดแน่นกับแบบไม่อัดแน่น ต่างกันอย่างไร

เทคนิคการถมดินส่งผลโดยตรงต่อความมั่นคงของสิ่งปลูกสร้างและงบประมาณ เจ้าของที่ดินควรทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างการถมแบบอัดแน่นและไม่อัดแน่น เพื่อเลือกวิธีที่ตอบโจทย์ช่วงเวลาการก่อสร้างและงบประมาณที่มีอยู่

วิธีถมดินแบบอัดแน่น

วิธีถมดินแบบอัดแน่น คือกระบวนการที่ใช้เครื่องจักรหนัก เช่น รถบดถนน หรือรถแทรกเตอร์ เข้ามาทำการบดอัดดินทีละชั้น โดยทั่วไปจะเทดินหนาประมาณ 30-50 เซนติเมตร แล้วทำการบดอัดให้แน่น ก่อนที่จะเทดินชั้นต่อไป ทำซ้ำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ระดับความสูงที่ต้องการ วิธีนี้จะทำให้เนื้อดินมีความหนาแน่นสูง ลดช่องว่างอากาศในดิน ป้องกันการทรุดตัวได้ดีเยี่ยม

ข้อดี

  • สามารถเริ่มงานก่อสร้างได้ทันที หรือใช้เวลารอคอยน้อยมากหลังจากการ ถมดิน เสร็จ
  • ลดความเสี่ยงเรื่องดินทรุดตัวในระยะยาว ทำให้โครงสร้างบ้านมั่นคง
  • สามารถคำนวณปริมาณดินและระดับความสูงได้แม่นยำกว่า

ข้อเสีย

  • มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงกว่า เนื่องจากต้องใช้เครื่องจักรและเวลาในการทำงานมากกว่า
  • ต้องใช้ผู้รับเหมาที่มีความเชี่ยวชาญและเครื่องมือพร้อม

วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีแผนจะสร้างบ้านทันที หรือต้องการความมั่นคงสูงสุดของพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความอ่อนตัวสูงอย่างกรุงเทพฯ และปริมณฑล การถมดินแบบอัดแน่นถือเป็นมาตรฐานที่ควรทำ

วิธีถมดินแบบไม่อัดแน่น

วิธีถมดินแบบไม่อัดแน่น หรือที่เรียกกันว่า “การถมแบบเทกอง” คือการนำดินมาเทลงในพื้นที่แล้วใช้รถแม็คโครเกลี่ยให้ได้ระดับโดยไม่มีการใช้รถบดอัด การยุบตัวของดินจะอาศัยระยะเวลาและน้ำหนักของดินเองตามธรรมชาติ

ข้อดี

  • ประหยัดงบประมาณได้มาก เพราะลดขั้นตอนและค่าเช่าเครื่องจักรบดอัด
  • ทำงานได้รวดเร็วในขั้นตอนการเทดิน

ข้อเสีย

  • ไม่สามารถสร้างบ้านได้ทันที ต้องทิ้งระยะเวลาให้ดินเซตตัวนาน
  • คาดการณ์การยุบตัวได้ยาก อาจเกิดปัญหาระดับดินไม่เท่ากันในอนาคต
  • หากสร้างบ้านเร็วเกินไป อาจเกิดโพรงใต้บ้าน หรือดินสไลด์ออกจากฐานราก

วิธีนี้เหมาะสำหรับเจ้าของที่ดินที่ยังไม่มีแผนจะปลูกสร้างในเร็ววัน (ซื้อที่ดินเก็บไว้) หรือต้องการถมดินเพื่อปรับระดับเบื้องต้นทิ้งไว้ข้ามปี เพื่อให้ธรรมชาติ (ฝนและเวลา) ช่วยในการบดอัดดินไปเรื่อยๆ

ต้องถมดินนานแค่ไหนถึงสร้างบ้านได้

ระยะเวลาในการรอให้ดินเซตตัวหลังการ ถมดิน ขึ้นอยู่กับวิธีการถมและประเภทของดินที่ใช้ หากเลือกใช้วิธีถมดินแบบอัดแน่นมาตรฐาน โดยใช้รถบดอัดเป็นชั้นๆ (Layer Compaction) คุณสามารถเริ่มงานตอกเสาเข็มและทำฐานรากได้แทบจะทันที หรือรอเพียง 1-2 สัปดาห์เพื่อให้แน่ใจในความเรียบร้อย

แต่หากเป็นการถมดินแบบไม่อัดแน่น หรือถมแบบเทกอง ระยะเวลาที่เหมาะสมที่วิศวกรแนะนำคือ “ต้องทิ้งไว้อย่างน้อย 6-12 เดือน” หรือให้ผ่านฤดูฝนไปอย่างน้อย 1 ฝน เพราะน้ำฝนจะช่วยให้ดินเกิดการยุบตัวและแทรกซึมเข้าไปแทนที่ช่องว่างอากาศ ทำให้ดินแน่นขึ้นตามธรรมชาติ การรีบร้อนสร้างบ้านบนพื้นที่ที่เพิ่ง ถมดิน แบบไม่อัดแน่น อาจนำมาซึ่งความเสียหายที่มีมูลค่าสูงกว่าค่าถมดินหลายเท่าตัว ดังนั้น หากมีข้อจำกัดเรื่องเวลา การยอมจ่ายเพิ่มเพื่อทำวิธีบดอัดจึงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าในระยะยาว

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการถมดิน

ควรถมดินสูงกว่าถนนหน้าบ้านเท่าไหร่ถึงจะดีที่สุด

ระดับความสูงที่แนะนำโดยทั่วไปคือ 50-80 เซนติเมตรจากระดับถนน เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมขังและเผื่อระยะการทรุดตัวของดินในอนาคต อย่างไรก็ตาม ไม่ควรถมสูงจนเกินไปเพราะจะทำให้ทางเข้าบ้านลาดชัน สัญจรลำบาก และอาจเกิดปัญหาดินสไลด์รุกล้ำพื้นที่ข้างเคียงจนผิดกฎหมายควบคุมอาคารได้

ดินประเภทไหนเหมาะสำหรับการถมเพื่อสร้างบ้านมากที่สุด

หากเน้นความแข็งแรงเพื่อรองรับโครงสร้างบ้าน “ดินลูกรัง” ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากมีส่วนผสมของหินและกรวด เมื่อบดอัดแล้วจะแน่นมาก ทรุดตัวน้อย แต่หากมีงบประมาณจำกัด อาจใช้ “ดินเหนียว” ถมในชั้นล่างสุดแล้วใช้ดินลูกรังปิดทับด้านบน ส่วน “หน้าดิน” ควรใช้สำหรับตกแต่งทำสวนเท่านั้น ไม่เหมาะกับการรองรับน้ำหนักอาคาร

ถ้าถมดินแบบไม่อัดแน่น จะสร้างบ้านได้เลยหรือไม่

ไม่แนะนำให้สร้างทันที เนื่องจากการถมแบบไม่อัดแน่นหรือเทกอง ดินจะมีช่องว่างอากาศมาก เสี่ยงต่อการทรุดตัวสูง หากเลือกวิธีนี้ควรทิ้งระยะเวลาไว้อย่างน้อย 6-12 เดือน หรือให้ผ่านช่วงฤดูฝนไปก่อนเพื่อให้ดินเซตตัวตามธรรมชาติ แต่หากต้องการรีบสร้างบ้าน ควรเลือกวิธีถมแบบบดอัดแน่นด้วยเครื่องจักรจะปลอดภัยกว่า

สรุปวิธีถมดิน

สรุปบทความ

การเตรียมที่ดินให้พร้อมด้วยการเลือกประเภทดินและวิธีถมดินที่ถูกต้อง คือหัวใจสำคัญของรากฐานที่มั่นคงและช่วยเพิ่มมูลค่าทรัพย์สิน แต่หากคุณติดขัดเรื่องงบประมาณในการพัฒนาที่ดิน “เพื่อนแท้ เงินด่วน” พร้อมเป็นตัวช่วยให้การไถ่ถอนจำนอง หรือขอสินเชื่อใหม่เป็นเรื่องง่าย ด้วยสินเชื่อโฉนดที่ดิน ไม่ต้องกังวลเรื่อง ดอกเบี้ยจำนอง ที่สูงเกินจริง เราให้วงเงินสูงสุดถึง 130% ของราคาประเมิน โดยไม่ต้องเสียเวลาไปจดจำนองที่กรมที่ดิน ช่วยให้คุณมีเงินก้อนไปปรับปรุงที่ดินได้ทันที ปรึกษาเราเพื่อเปลี่ยนโฉนดให้เป็นทุนที่คุ้มค่า

เพื่อนแท้ เงินด่วน

บทความยอดนิยม