สัญญาขายฝากที่ดินคืออะไร รวมทุกเรื่องที่ต้องรู้ก่อนเซ็น

สัญญาขายฝากที่ดินคืออะไร

เมื่อเผชิญปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน การนำสินทรัพย์อย่างที่ดินไปเปลี่ยนเป็นเงินสด คือหนึ่งในทางเลือกที่หลายคนนึกถึง โดยเฉพาะสัญญาขายฝากที่ดิน ซึ่งเป็นทางเลือกที่อนุมัติง่าย ได้วงเงินสูง แต่ก็แฝงไปด้วยความเสี่ยงที่อาจทำให้สูญเสียกรรมสิทธิ์ได้ง่ายหากไม่รอบคอบ การทำความเข้าใจรายละเอียดและข้อกฎหมายจึงเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด วันนี้เพื่อนแท้เงินด่วนในฐานะผู้ให้บริการด้านสินเชื่อ จะพาไปเจาะลึกทุกแง่มุมของสัญญาขายฝากที่ดินเพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างถูกต้องและไม่เสียเปรียบ

สัญญาขายฝากที่ดิน คืออะไร?

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 491 สัญญาขายฝากที่ดิน คือ สัญญาซื้อขายซึ่งกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน (ในที่นี้คือที่ดิน) ตกไปยังผู้ซื้อฝากทันทีที่จดทะเบียน โดยมีข้อตกลงกันว่าผู้ขายฝาก (เจ้าของที่ดินเดิม) มีสิทธิไถ่ทรัพย์สินนั้นคืนได้ภายในกำหนดเวลาที่ตกลงกันไว้ หรือภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด สรุปให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือสัญญาขายฝากที่ดินไม่ใช่การกู้ยืมเงิน แต่เป็นการ “ขาย” ที่ดินไปแล้วชั่วคราว โดยมี “สิทธิ์ซื้อคืน” ติดมาด้วย หากผู้ขายฝากไม่สามารถนำเงินมาไถ่ถอน (ซื้อคืน) ได้ตามกำหนด ที่ดินนั้นจะตกเป็นของผู้รับซื้อฝากอย่างสมบูรณ์ทันที การทำความเข้าใจหนังสือสัญญาขายฝากที่ดินจึงสำคัญอย่างยิ่งยวด

ขายฝาก กับ จำนองที่ดิน ต่างกันอย่างไร

ความสับสนระหว่างสัญญาขายฝากที่ดินและการจำนองที่ดินเป็นปัญหาคลาสสิกที่นำไปสู่ความเข้าใจผิดและข้อพิพาทมากมาย ทั้งสองธุรกรรมนี้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในทางกฎหมายและผลกระทบ

1. การโอนกรรมสิทธิ์

หัวใจของสัญญาขายฝากที่ดินคือการโอนกรรมสิทธิ์ทันที เมื่อผู้ขายฝากและผู้รับซื้อฝากจดทะเบียนนิติกรรมขายฝาก ณ สำนักงานที่ดิน ชื่อเจ้าของที่ดินในโฉนด (หลังโฉนด) จะถูกเปลี่ยนเป็นชื่อของผู้รับซื้อฝากทันที แม้ผู้ขายฝากจะยังครอบครองที่ดินนั้นอยู่ก็ตาม ในขณะที่การจำนองที่ดินกรรมสิทธิ์ยังคงเป็นของผู้จำนอง (เจ้าของที่ดิน) เช่นเดิม โฉนดเพียงแค่ถูกสลักหลังว่าจำนองไว้กับผู้รับจำนอง (เจ้าหนี้) เพื่อเป็นหลักประกันการชำระหนี้เท่านั้น ไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์เกิดขึ้น

2. การบังคับชำระหนี้ (เมื่อผิดนัด)

นี่คือจุดที่อันตรายที่สุดของสัญญาขายฝากที่ดินหากผู้ขายฝากไม่สามารถนำเงินสินไถ่มาไถ่ถอนได้ภายในกำหนดเวลาในสัญญา กรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นจะตกเป็นของผู้รับซื้อฝากโดยเด็ดขาดและสมบูรณ์ทันที (เรียกว่า “หลุดขายฝาก”) โดยผู้รับซื้อฝากไม่จำเป็นต้องดำเนินการฟ้องร้องใดๆ แต่สำหรับการจำนองที่ดินหากลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ เจ้าหนี้ (ผู้รับจำนอง) ไม่สามารถยึดที่ดินนั้นได้ทันที ต้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย คือส่งหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนอง และฟ้องร้องต่อศาลเพื่อบังคับคดี นำที่ดินไปขายทอดตลาด ซึ่งมีขั้นตอนและใช้เวลามากกว่าการบังคับหนี้ตามหนังสือสัญญาขายฝากที่ดิน

3. วงเงินที่ได้รับ

โดยทั่วไป การทำสัญญาขายฝากที่ดินมักจะได้รับวงเงินที่สูงกว่าการจำนองที่ดิน เนื่องจากผู้รับซื้อฝาก (ผู้ให้เงิน) มีความเสี่ยงน้อยกว่า เพราะได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินไปเลยหากผู้ขายฝากผิดนัด วงเงินจึงอาจสูงถึง 40-70% ของราคาตลาด ส่วนการจำนองที่ดินโดยเฉพาะการจำนองกับสถาบันการเงิน มักจะอิงตาม “ราคาประเมิน” ของกรมที่ดินหรือของธนาคาร ซึ่งมักจะต่ำกว่าราคาตลาด และอาจได้วงเงิน LTV (Loan-to-Value) ที่ต่ำกว่า

องค์ประกอบสำคัญในหนังสือสัญญาขายฝากที่ดินต้องมีอะไรบ้าง

การตรวจสอบหนังสือสัญญาขายฝากที่ดินถือเป็นขั้นตอนที่ต้องใช้ความละเอียดสูงสุด เพื่อป้องกันการเสียเปรียบ องค์ประกอบหลักที่ต้องระบุให้ชัดเจนในสัญญา ซึ่งเป็นแบบฟอร์มมาตรฐานของกรมที่ดิน มีดังนี้

1. ข้อมูลคู่สัญญา

ในหนังสือสัญญาขายฝากที่ดินต้องระบุรายละเอียดของคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายอย่างชัดเจน ได้แก่ ผู้ขายฝาก (เจ้าของที่ดิน) และผู้รับซื้อฝาก (ผู้ให้เงิน) โดยต้องมีชื่อ-นามสกุลจริง, เลขบัตรประจำตัวประชาชน, และที่อยู่ตามทะเบียนบ้านที่ถูกต้องครบถ้วน เพื่อให้สามารถอ้างอิงและบังคับใช้ได้ตามกฎหมาย

2. รายละเอียดทรัพย์สิน

นี่คือส่วนที่ระบุว่าทรัพย์สินใดที่ถูกนำมาทำสัญญาขายฝากที่ดินต้องระบุรายละเอียดของโฉนดที่ดินให้ชัดเจนที่สุด ได้แก่ เลขที่โฉนด, เลขที่ดิน, หน้าสำรวจ, ระวาง, ตำบล, อำเภอ, จังหวัด และเนื้อที่ดินที่แน่นอน (จำนวนไร่-งาน-ตารางวา) ข้อมูลทั้งหมดนี้ในหนังสือสัญญาขายฝากที่ดินจะต้องตรงกับโฉนดที่ดินฉบับจริงทุกประการ

3. จำนวนเงินขายฝาก และ "สินไถ่"

ส่วนนี้ในหนังสือสัญญาขายฝากที่ดินต้องแยกแยะให้ชัดเจน “จำนวนเงินขายฝาก” คือจำนวนเงินที่ผู้ขายฝากได้รับจริง ณ วันทำสัญญา ส่วน “สินไถ่” คือจำนวนเงินทั้งหมดที่ผู้ขายฝากจะต้องชำระคืนแก่ผู้รับซื้อฝากเพื่อไถ่ถอนที่ดินคืน ซึ่ง “สินไถ่” อาจเท่ากับจำนวนเงินขายฝาก หรืออาจสูงกว่าก็ได้ โดยกฎหมายอนุญาตให้บวกผลประโยชน์ตอบแทน (ดอกเบี้ย) เข้าไปได้ แต่ต้องไม่เกินอัตราที่กำหนด

4. อัตราดอกเบี้ย

ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองประชาชนในการทำสัญญาขายฝากที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหรือที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2562 กฎหมายได้ควบคุมดอกเบี้ยขายฝาก (หรือผลประโยชน์ตอบแทน) ไว้อย่างชัดเจน โดยกำหนดให้คำนวณอัตราดอกเบี้ยได้ไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี (หรือ 1.25% ต่อเดือน) หากหนังสือสัญญาขายฝากที่ดินระบุ ดอกเบี้ยขายฝาก เกินกว่าอัตรานี้ ข้อตกลงส่วนที่เกินนั้นจะเป็นโมฆะ

5. กำหนดระยะเวลาไถ่ถอน

หนังสือสัญญาขายฝากที่ดิน ต้องระบุวันที่ครบกำหนดไถ่ถอนไว้อย่างชัดเจน (เช่น 1 ปี, 3 ปี, 10 ปี) ตามกฎหมายแพ่งฯ กำหนดระยะเวลาไถ่ถอนอสังหาริมทรัพย์ (เช่น ที่ดิน) ไว้สูงสุดไม่เกิน 10 ปี และสำหรับ พ.ร.บ. คุ้มครองประชาชนฯ พ.ศ. 2562 ได้กำหนดเพิ่มเติมว่าสัญญาขายฝากที่ดิน (ที่อยู่อาศัย/เกษตรกรรม) ต้องมีกำหนดเวลาไถ่ถอนไม่ต่ำกว่า 1 ปี แต่ไม่เกิน 10 ปี

6. เงื่อนไขและข้อตกลงเพิ่มเติม

นอกเหนือจากองค์ประกอบหลักหนังสือสัญญาขายฝากที่ดินอาจมีข้อตกลงพิเศษอื่นๆ ที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงกัน เช่น ฝ่ายใดจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียมการโอนและภาษีต่างๆ, เงื่อนไขในการต่ออายุสัญญา, หรือข้อตกลงเรื่องการใช้ประโยชน์ในที่ดินระหว่างการขายฝาก ซึ่งต้องอ่านและทำความเข้าใจให้ถ้วนถี่

จุดที่ต้องดูในหนังสือสัญญาขายฝากที่ดิน

4 จุดสำคัญที่ต้องระวังในสัญญาขายฝาก ไม่ดู = เสี่ยงโดนโกง

แม้สัญญาขายฝากที่ดินจะมีแบบฟอร์มมาตรฐานจากกรมที่ดิน แต่รายละเอียดปลีกย่อยคือจุดที่มักเกิดปัญหา นี่คือ 4 จุดที่ต้องตรวจสอบเข้มงวดเป็นพิเศษเพื่อป้องกันการถูกเอาเปรียบ

1. ระยะเวลาไถ่ถอน

ดังที่กล่าวไป กฎหมายอนุญาตให้กำหนดเวลาไถ่ถอนสัญญาขายฝากที่ดินได้สูงสุด 10 ปี แต่ในทางปฏิบัติ ผู้รับซื้อฝากมักพยายามกำหนดระยะเวลาสั้นๆ เช่น 6 เดือน หรือ 1 ปี เพื่อเพิ่มแรงกดดันให้ผู้ขายฝาก หรือเพื่อให้ทรัพย์หลุดขายฝากโดยเร็ว ต้องมั่นใจว่าระยะเวลาที่ระบุในหนังสือสัญญาขายฝากที่ดินนั้นนานเพียงพอที่เราจะหาเงินมาไถ่ถอนได้ทัน

2. "สินไถ่" และ "ดอกเบี้ย"

นี่คือจุดที่มักถูกเอาเปรียบ ต้องตรวจสอบสินไถ่ในหนังสือสัญญาขายฝากที่ดินให้ชัดเจนว่าคำนวณอย่างไร บางครั้งผู้รับซื้อฝากอาจตั้งจำนวนเงินขายฝาก (เงินต้น) ต่ำๆ แต่ไปตั้งสินไถ่สูงลิ่ว ซึ่งเมื่อคำนวณย้อนกลับมาแล้ว อาจกลายเป็น ดอกเบี้ยขายฝาก ที่เกิน 15% ต่อปี ต้องคำนวณให้ดีว่าสินไถ่ที่กำหนดนั้น เมื่อหักลบกับเงินต้นแล้ว คิดเป็นผลประโยชน์ตอบแทนเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดหรือไม่

3. เงื่อนไขการต่อสัญญา

หลายคนพลาดจุดนี้ หากคาดว่าจะไถ่ถอนไม่ทัน ควรเจรจาเรื่องการต่อสัญญาล่วงหน้า และที่สำคัญที่สุด การตกลงต่ออายุสัญญาขายฝากที่ดินด้วยวาจาหรือทำสัญญากันเอง “ไม่มีผลทางกฎหมาย” การต่ออายุจะต้องทำเป็นหนังสือสัญญาแนบท้าย และนำไปจดทะเบียนต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ กรมที่ดิน “ก่อน” วันครบกำหนดไถ่ถอนเดิมเท่านั้น

4. การขาดสิทธิ์ไถ่ถอน หรือการผิดนัด

ต้องอ่านหนังสือสัญญาขายฝากที่ดินทุกบรรทัด ระวังข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม เช่น หากผิดนัดชำระดอกเบี้ย 1 งวด ถือว่าสละสิทธิ์การไถ่ถอนทันที ซึ่งขัดต่อกฎหมาย พ.ร.บ. 2562 ที่ให้ความคุ้มครองผู้ขายฝาก (ที่อยู่อาศัย/เกษตรกรรม) ว่าการไม่ชำระดอกเบี้ยระหว่างสัญญา ไม่ถือเป็นเหตุให้ผู้ขายฝากหมดสิทธิ์ไถ่ถอน สิทธิ์ไถ่ถอนจะหมดไปก็ต่อเมื่อไม่ไถ่ถอนตามกำหนดเวลาเท่านั้น

ขั้นตอนการทำสัญญาขายฝากที่ดิน

ย้ำอีกครั้งว่า สัญญาขายฝากที่ดิน เป็นนิติกรรมที่ต้องทำต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานที่ดินที่ทรัพย์นั้นตั้งอยู่เท่านั้น การทำสัญญากันเองถือเป็นโมฆะ โดยมีขั้นตอนหลักดังนี้

  1. จริง, บัตรประจำตัวประชาชน (ตัวจริง), ทะเบียนบ้าน (ตัวจริง), และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง (เช่น ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล, ทะเบียนสมรส/ใบยินยอมของคู่สมรส ถ้ามี)
  2. คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายเดินทางไปสำนักงานที่ดิน ต้องเดินทางไปพร้อมกัน ณ สำนักงานที่ดินเขตที่โฉนดนั้นตั้งอยู่
  3. ยื่นเรื่องและเอกสารต่อเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร และให้คู่สัญญากรอกคำขอและลงนามใน หนังสือสัญญาขายฝากที่ดิน (แบบฟอร์ม ท.ด.๔) ต่อหน้าเจ้าหน้าที่
  4. ชำระค่าธรรมเนียม ชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนด (ดูในหัวข้อถัดไป)
  5. เจ้าหน้าที่จะจดทะเบียนขายฝาก เจ้าหน้าที่จะทำการสลักหลังโฉนดในสารบัญจดทะเบียน โดยระบุว่าเป็นการ “ขายฝาก” มีกำหนดไถ่ถอนกี่ปี และโอนชื่อกรรมสิทธิ์เป็นของผู้รับซื้อฝาก

ค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียม ในการทำสัญญาขายฝากมีอะไรบ้าง?

ในการจดทะเบียน สัญญาขายฝากที่ดิน จะมีค่าใช้จ่ายต่างๆ เกิดขึ้น ณ กรมที่ดิน ซึ่งโดยทั่วไปคู่สัญญาสามารถตกลงกันได้ว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้รับผิดชอบ (ส่วนใหญ่มักเป็นผู้ขายฝาก) ได้แก่

  • ค่าธรรมเนียมการโอน 2% ของราคาประเมินที่ดิน
  • ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย คำนวณตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร (คิดอัตราก้าวหน้าตามจำนวนปีที่ถือครอง)
  • ภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% ของราคาขายหรือราคาประเมิน (แล้วแต่ราคาใดสูงกว่า) กรณีถือครองทรัพย์สินมาไม่ถึง 5 ปี
  • อากรแสตมป์ 0.5% ของราคาขายหรือราคาประเมิน (กรณีที่ไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ)

เกิดอะไรขึ้น ถ้าครบกำหนดแล้วไม่ไถ่ถอนที่ดินคืน

นี่คือผลลัพธ์ที่ร้ายแรงที่สุดของการทำสัญญาขายฝากที่ดินหากผู้ขายฝากไม่สามารถนำ “สินไถ่” ทั้งหมดมาชำระคืนภายในวันที่กำหนดไว้ในสัญญา (หรือวันที่ต่ออายุอย่างถูกต้องตามกฎหมาย) สิทธิ์ในการไถ่ถอนจะสิ้นสุดลงทันที และกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นจะตกเป็นของผู้รับซื้อฝากโดยเด็ดขาดและสมบูรณ์ 100% (เรียกว่า “ที่ดินหลุดขายฝาก”) โดยผู้รับซื้อฝากไม่ต้องไปฟ้องศาล หรือดำเนินการใดๆ เพิ่มเติมอีก นี่คือความแตกต่างสำคัญของสัญญาขายฝากที่ดินที่เทียบกับการ จำนองที่ดิน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสัญญาขายฝากที่ดิน

สัญญาขายฝากต้องทำต่อหน้าพนักงานที่ดินหรือไม่

ต้องทำ เท่านั้น การทำสัญญาขายฝากที่ดินถือเป็นนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่กฎหมายบังคับให้ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานที่ดิน หากทำหนังสือสัญญาขายฝากที่ดินกันเองที่บ้าน โดยไม่ได้ไปจดทะเบียนที่กรมที่ดิน สัญญานั้นจะตกเป็น “โมฆะ” ไม่มีความหมายทางกฎหมาย และไม่สามารถใช้บังคับได้

สามารถต่ออายุสัญญาขายฝากได้หรือไม่

สามารถทำได้ แต่มีเงื่อนไขสำคัญคือ “ต้องตกลงกันก่อนครบกำหนดไถ่ถอนเดิม” และการตกลงนั้นต้องทำเป็นหนังสือและนำไปจดทะเบียนต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่เช่นเดียวกับการทำสัญญาครั้งแรก หากตกลงกันปากเปล่า หรือทำสัญญากันเองหลังจากครบกำหนดไถ่ถอนไปแล้ว จะไม่มีผลทางกฎหมายในการขยายเวลาสัญญาขายฝากที่ดิน

ถ้าไม่มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรที่กรมที่ดิน ถือว่าขายฝากหรือไม่

ไม่ถือว่าเป็นการขายฝากที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย หากเป็นการตกลงกันปากเปล่า หรือทำสัญญากันเองโดยไม่ได้จดทะเบียนที่กรมที่ดิน นิติกรรมสัญญาขายฝากที่ดินนั้นจะเป็นโมฆะ ศาลอาจตีความว่าเป็นการกู้ยืมเงินทั่วไป (หากมีหลักฐานการรับเงิน) แต่ผู้ให้กู้ไม่มีสิทธิ์ในที่ดินนั้นในฐานะผู้รับซื้อฝาก และไม่สามารถยึดที่ดินได้หากไม่ไถ่ถอน

สัญญาขายฝากมีอายุสูงสุดกี่ปี

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กำหนดระยะเวลาไถ่ถอนสำหรับอสังหาริมทรัพย์ (เช่น ที่ดิน, บ้าน, คอนโด) ไว้สูงสุดไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่ทำสัญญา หากในหนังสือสัญญาขายฝากที่ดินไม่ได้กำหนดระยะเวลาไถ่ถอนไว้ กฎหมายให้ถือว่ามีกำหนด 10 ปี

สินไถ่ จำเป็นต้องเท่ากับ ราคาขายฝาก หรือไม่?

ไม่จำเป็นราคาขายฝาก คือเงินต้นที่ได้รับ ณ วันทำสัญญา แต่สินไถ่ คือยอดรวมที่ต้องจ่ายคืน ซึ่งมักจะประกอบด้วย (ราคาขายฝาก + ผลประโยชน์ตอบแทน) ซึ่งกฎหมายกำหนดเพดานของผลประโยชน์ตอบแทน (หรือ ดอกเบี้ยขายฝาก) ที่นำมาคำนวณรวมในสินไถ่นี้ไว้ว่า จะต้องไม่เกินอัตรา 15% ต่อปี ของราคาขายฝากที่แท้จริง

สรุปหนังสือสัญญาขายฝากที่ดิน

สรุปบทความ

สัญญาขายฝากที่ดิน เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ทรงพลังแต่ก็มีความเสี่ยงสูง การทำความเข้าใจทุกองค์ประกอบใน หนังสือสัญญาขายฝากที่ดิน คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด หากคุณกำลังเผชิญภาระจาก สัญญาขายฝากที่ดิน หรือต้องการไถ่ถอน จำนองที่ดิน เพื่อนแท้เงินด่วน พร้อมช่วยให้การขอสินเชื่อใหม่เป็นเรื่องง่าย ไม่ต้องกังวลเรื่อง ดอกเบี้ยขายฝาก ที่สูงเกินจริง เราให้วงเงินสูงสุดถึง 130% ของราคาประเมิน โดยไม่ต้องเสียเวลาไปจดจำนองที่กรมที่ดินในบางผลิตภัณฑ์

เพื่อนแท้ เงินด่วน

บทความยอดนิยม