การขอสินเชื่อบ้านเป็นทางเลือกที่สำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อบ้านหรือใช้บ้านเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อขอสินเชื่อเพิ่มเติม ในประเทศไทยมีรูปแบบสินเชื่อบ้านหลัก ๆ อยู่สองประเภท ได้แก่ สินเชื่อบ้านแบบ จดจำนอง และสินเชื่อบ้านแบบ ไม่จดจำนอง ซึ่งแต่ละประเภทมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจข้อแตกต่างระหว่างสองประเภทนี้ เพื่อให้สามารถเลือกสินเชื่อที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณได้
1. ความหมายของสินเชื่อบ้านแบบจดจำนองและไม่จดจำนอง
ก่อนที่จะเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับสินเชื่อทั้งสองประเภทนี้
สินเชื่อบ้านแบบจดจำนอง
สินเชื่อบ้านแบบจดจำนองเป็นสินเชื่อที่ ใช้โฉนดที่ดินหรือเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน กับสถาบันการเงินหรือผู้ให้สินเชื่อ โดยผู้ขอสินเชื่อจะต้องนำโฉนดไปจดทะเบียนจำนองที่กรมที่ดิน ซึ่งทำให้เจ้าหนี้มีสิทธิ์ยึดทรัพย์สินได้หากผู้ขอสินเชื่อผิดนัดชำระหนี้
สินเชื่อบ้านแบบไม่จดจำนอง
สินเชื่อบ้านแบบไม่จดจำนองคือ สินเชื่อที่ไม่ต้องใช้โฉนดที่ดินหรือหลักทรัพย์ค้ำประกัน ผู้ขอสินเชื่อสามารถกู้เงินได้โดยอาศัยเครดิตทางการเงิน รายได้ และความสามารถในการชำระหนี้ของตนเอง สินเชื่อนี้มักมีวงเงินกู้ต่ำกว่าสินเชื่อแบบจดจำนอง และอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า
2. เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของสินเชื่อบ้านแบบจดจำนองและไม่จดจำนอง
การเลือกประเภทสินเชื่อบ้านต้องพิจารณาข้อดีและข้อเสียของแต่ละแบบให้ดี
ประเด็นเปรียบเทียบ | สินเชื่อบ้านแบบจดจำนอง | สินเชื่อบ้านแบบไม่จดจำนอง |
การใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน | ใช้โฉนดที่ดินหรือบ้านค้ำประกัน | ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ |
อัตราดอกเบี้ย | ต่ำกว่าเพราะมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน | สูงกว่าเนื่องจากไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน |
วงเงินสินเชื่อ | ได้วงเงินสูงสุดถึง 70-130% ของราคาประเมิน** (ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการสินเชื่อ) | ได้วงเงินต่ำกว่า มักอยู่ที่ 5-10 เท่าของรายได้ต่อเดือน |
ความเสี่ยงต่อทรัพย์สิน | มีความเสี่ยงสูญเสียบ้านหากผิดนัดชำระหนี้ | ไม่มีความเสี่ยงต่อบ้านโดยตรง |
ระยะเวลาผ่อนชำระ | ยาวนาน สูงสุด 30 ปี | สั้นกว่า มักไม่เกิน 10 ปี |
การอนุมัติสินเชื่อ | ซับซ้อนกว่าต้องมีเอกสารประเมินที่ดินและบ้าน | อนุมัติได้รวดเร็วกว่า |
ภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม | มีค่าธรรมเนียมจดจำนองและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง | ไม่มีค่าธรรมเนียมจดจำนอง |
3. ปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนเลือกสินเชื่อบ้าน
3.1 จำนวนที่ดินที่ถือครอง
หากคุณมีที่ดินจำนวนมากและต้องการใช้ที่ดินเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน การเลือก สินเชื่อแบบจดจำนอง อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เนื่องจากสามารถกู้เงินได้สูงขึ้นโดยใช้อสังหาริมทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน
3.2 ความสามารถในการชำระหนี้
หากคุณมั่นใจในรายได้และมีประวัติสินเชื่อที่ดี สินเชื่อบ้านแบบไม่จดจำนอง อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเพราะลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียทรัพย์สิน
3.3 วัตถุประสงค์ของการกู้เงิน
- หากต้องการวงเงินกู้สูงเพื่อซื้อบ้านหรือปรับปรุงบ้าน สินเชื่อ แบบจดจำนอง อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
- หากต้องการเงินกู้จำนวนไม่มากนักเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น ซ่อมแซมบ้าน สินเชื่อ แบบไม่จดจำนอง อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม
4. ตัวอย่างผู้ให้บริการสินเชื่อบ้านแบบจดจำนองและไม่จดจำนอง
สินเชื่อบ้านแบบจดจำนอง
- ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) – ให้สินเชื่อบ้านเพื่อซื้อหรือก่อสร้างบ้านโดยใช้ที่ดินและบ้านเป็นหลักประกัน
- ธนาคารกสิกรไทย – ให้สินเชื่อบ้านที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำและระยะเวลาผ่อนยาว
- เพื่อนแท้ เงินด่วน – ให้สินเชื่อโฉนดที่ดินแบบจดจำนอง วงเงินกู้สูงสุด 130% ของราคาประเมิน ไม่ต้องเสียเวลาไปจดจำนองที่กรมที่ดิน
สินเชื่อบ้านแบบไม่จดจำนอง
- สินเชื่อบุคคล SCB Speedy Loan – ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน อนุมัติไว
- สินเชื่อบุคคล KBank Xpress Loan – อนุมัติภายใน 24 ชั่วโมง ได้วงเงินสูงสุด 5 เท่าของรายได้
บทสรุป: ควรเลือกสินเชื่อแบบไหนดีที่สุด?
การเลือกสินเชื่อบ้านแบบ จดจำนอง หรือ ไม่จดจำนอง ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ได้แก่ จำนวนที่ดินที่ถือครอง ความสามารถในการชำระหนี้ วงเงินกู้ที่ต้องการ และระยะเวลาผ่อนชำระ
- หากต้องการวงเงินสูงและดอกเบี้ยต่ำ ควรเลือกสินเชื่อบ้านแบบ จดจำนอง
- หากต้องการสินเชื่อที่อนุมัติไวและไม่ต้องการนำทรัพย์สินมาเสี่ยง ควรเลือกสินเชื่อบ้านแบบ ไม่จดจำนอง
หากคุณกำลังมองหาสินเชื่อโฉนดที่ดินที่ให้วงเงินกู้สูงสุดถึง 130% ของราคาประเมิน พร้อม ขั้นตอนที่รวดเร็ว และ ไม่ต้องเสียเวลาไปจดจำนองที่กรมที่ดิน “เพื่อนแท้ เงินด่วน” เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ