การขอกู้ เงินด่วน โดยใช้ที่ดินหรือทรัพย์สินเป็นหลักประกัน มีหลายวิธีที่เจ้าของทรัพย์มักเลือกใช้ตามสถานการณ์ทางการเงิน หนึ่งในรูปแบบที่ถูกพูดถึงบ่อยคือ “การกู้เงินด้วยสัญญาจะซื้อจะขาย” ซึ่งมักใช้เวลาต้องการเงินเร็ว แต่กังวลเรื่องขั้นตอนทางกฎหมาย ส่วนอีกวิธีคือ “การจำนอง” ที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย เพราะเป็นวิธีมาตรฐานตามกฎหมายไทย ทั้งสองวิธีนี้แม้จะมีจุดประสงค์คล้ายกัน คือช่วยให้เจ้าของทรัพย์เปลี่ยน โฉนดที่ดิน ให้กลายเป็นสภาพคล่อง แต่ก็มีความแตกต่างสำคัญที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจ
ในบทความนี้จะอธิบายความต่างของการกู้เงินด้วย “สัญญาจะซื้อจะขาย” และ “การจำนอง” แบบละเอียด พร้อมข้อดี–ข้อเสีย รวมถึงตัวอย่างการใช้บริการจากผู้ให้สินเชื่อเช่น “เพื่อนแท้ เงินด่วน” เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลครบถ้วนที่สุด
ความหมายของการกู้เงินด่วนด้วยสัญญาจะซื้อจะขายคืออะไร
การกู้ เงินด่วน ด้วย “สัญญาจะซื้อจะขาย” คือการทำข้อตกลงระหว่างเจ้าของทรัพย์ (ผู้กู้) และผู้ให้เงิน (ผู้ให้กู้) ว่าจะมีการซื้อขายทรัพย์สินนั้นกันจริงในอนาคต โดยมีการกำหนดราคา เงื่อนไข และระยะเวลาไว้ชัดเจนในเอกสาร แม้ว่าความจริงแล้ววัตถุประสงค์หลักคือการกู้เงิน ไม่ใช่การขายทรัพย์สินก็ตาม
ลักษณะสำคัญ
- ผู้ให้กู้มักถือเอกสารสัญญาจะซื้อจะขายพร้อมกับโฉนดตัวจริง
- หากผู้กู้ผิดนัดชำระ ผู้ให้กู้มีสิทธิขอซื้อทรัพย์ตามราคาที่ระบุไว้ในสัญญา
- ไม่มีการจดทะเบียนที่กรมที่ดิน
- ขั้นตอนทำเร็ว เหมาะกับผู้ที่ต้องการเงินภายใน 1–2 ชั่วโมง
- ความเสี่ยงคือ อาจถูกบังคับขายทรัพย์ได้จริงหากผิดสัญญา
เนื่องจากไม่ใช่สัญญาตามกฎหมายที่รับรองโดยกรมที่ดิน การใช้วิธีนี้จึงเสี่ยงต่อปัญหาในอนาคต เช่น การถูกตีความว่าเป็นการซื้อขายจริงจนทรัพย์หลุดมือได้ง่าย
ผู้ให้บริการที่ได้มาตรฐานอย่าง เพื่อนแท้ เงินด่วน จะไม่ใช้สัญญาที่เสี่ยงต่อผู้กู้ แต่จะใช้สัญญาเงินกู้ที่ชัดเจนตามกฎหมายเท่านั้น และมีขั้นตอนตรวจสอบเอกสารทุกอย่างอย่างโปร่งใส เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าไม่มีการเปลี่ยนวัตถุประสงค์เป็นการซื้อขายทรัพย์โดยไม่ตั้งใจ
การจำนองคืออะไร และมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง
การจำนองคือสัญญาอย่างเป็นทางการตามกฎหมายไทย ที่ผู้กู้ใช้ทรัพย์ เช่น ที่ดิน บ้าน หรือคอนโด เป็นหลักประกันโดยไม่ต้องส่งมอบการครอบครองให้ผู้ให้กู้ ภายใต้สัญญาจำนอง ผู้กู้ยังคงเป็นเจ้าของทรัพย์อยู่เหมือนเดิมทุกประการ แต่มีข้อผูกพันว่าหากผิดนัดชำระ ผู้ให้กู้สามารถนำทรัพย์ไปขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ได้
จุดเด่นของการจำนอง
- จดทะเบียนต่อหน้าเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน
- ผู้กู้ยังเป็นเจ้าของทรัพย์ 100%
- สัญญาชัดเจน ปลอดภัย เพราะเป็นเอกสารที่รับรองตามกฎหมาย
- ลดความเสี่ยงเรื่องการหลุดทรัพย์ผิดวัตถุประสงค์
ขั้นตอนหลักของการจำนอง
- ประเมินมูลค่าทรัพย์สิน
- ตรวจสอบเอกสาร
- ทำสัญญาเงินกู้
- จดทะเบียนจำนองที่กรมที่ดิน
- ผู้กู้รับเงินทันที
อย่างไรก็ตาม ผู้กู้บางรายไม่สะดวกเดินทางไปกรมที่ดิน หรือมีปัญหาด้านเวลา ทำให้วิธีนี้ใช้เวลานานกว่าแบบสัญญาจะซื้อจะขาย ผู้ให้บริการที่เข้าใจลูกค้า เช่น เพื่อนแท้ เงินด่วน จึงออกแบบขั้นตอนให้รวดเร็วขึ้น โดยมีเจ้าหน้าที่ช่วยประสานงานทุกขั้นตอน ลดภาระของผู้กู้ให้มากที่สุด
ความแตกต่างระหว่างสัญญาจะซื้อจะขายกับการจำนอง
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ด้านล่างคือการเปรียบเทียบหัวต่อหัวระหว่างสองรูปแบบการทำ เงินด่วน กับทรัพย์สิน
- ด้านกฎหมาย
- สัญญาจะซื้อจะขาย: ไม่ได้จดทะเบียนที่กรมที่ดิน ใช้เพียงสัญญาระหว่างบุคคล
- การจำนอง: เป็นสัญญาตามกฎหมาย จดทะเบียนและมีผลคุ้มครองชัดเจน
- ด้านความปลอดภัย
- สัญญาจะซื้อจะขาย: เสี่ยงต่อการถูกตีความว่าเป็นการขายจริง
- การจำนอง: ปลอดภัยกว่า เพราะผู้กู้ยังเป็นเจ้าของทรัพย์เต็มตัว
- ด้านขั้นตอน
- สัญญาจะซื้อจะขาย: ทำเร็ว ไม่ต้องไปกรมที่ดิน
- การจำนอง: ต้องใช้เวลาจดทะเบียน แต่ถูกต้องตามกฎหมาย
- ดอกเบี้ยและค่าใช้จ่าย
- สัญญาจะซื้อจะขาย: มักมีอัตราที่สูงกว่าและมีเงื่อนไขซ่อนเร้นในบางกรณี
- การจำนอง: ดอกเบี้ยโปร่งใสและอยู่ภายใต้กฎหมายกำกับ
- ความเสี่ยงต่อการเสียทรัพย์
- สัญญาจะซื้อจะขาย: หากผิดนัด ผู้ให้กู้สามารถซื้อทรัพย์ตามราคาที่ระบุได้ ซึ่งมักต่ำกว่าราคาตลาด
- การจำนอง: ผู้ให้กู้ต้องขายทอดตลาดตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งโปร่งใสกว่า
ผู้กู้จำนวนมากที่ไม่ต้องการเสี่ยงจึงมักเลือกทำสัญญาจำนองมากกว่า โดยเฉพาะกับผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือ เช่น เพื่อนแท้ เงินด่วน ที่ให้วงเงินสูงสุดถึง 130% ของราคาประเมิน ซึ่งมากกว่าผู้ให้กู้รายอื่นที่มักให้เพียง 50–70% เท่านั้น ทำให้ผู้กู้ได้รับเงินก้อนที่สูงขึ้นโดยไม่ต้องใช้วิธีสัญญาจะซื้อจะขายที่เสี่ยงต่อการสูญเสียทรัพย์
ทำไมหลายคนเลือกใช้การกู้เงินด่วนแบบสัญญาจะซื้อจะขาย
แม้รูปแบบสัญญาจะซื้อจะขายจะมีความเสี่ยง แต่ก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยเลือกใช้ในการกู้ เงินด่วน เนื่องจากเหตุผลต่อไปนี้
- ต้องการเงินเร็ว สถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายธุรกิจ หรือเงินหมุนด่วน ทำให้บางคนเลือกวิธีที่ไม่ต้องเสียเวลาไปกรมที่ดิน
- ไม่มีเอกสารครบตามขั้นตอนจำนอง บางรายอาจมีปัญหาเอกสาร เช่น โฉนดไม่สมบูรณ์ หรือมีชื่อทายาทหลายคน ทำให้ไม่สามารถจดจำนองได้ในทันที
- เข้าใจผิดว่าปลอดภัย หลายคนเชื่อว่าสัญญาแบบนี้คล้ายกับการจำนอง แต่ความจริงคือแตกต่างกันมาก
- ถูกชักชวนจากผู้ให้กู้ที่ไม่เป็นทางการ ผู้ให้กู้บางรายไม่ผ่านการกำกับ หรือไม่ใช่บริษัทถูกต้องตามกฎหมาย จึงใช้สัญญาที่หมิ่นเหม่เพื่อเอื้อประโยชน์ฝ่ายเดียว
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ การเลือกผู้ให้บริการที่โปร่งใส เช่น เพื่อนแท้ เงินด่วน จะช่วยให้ผู้กู้มั่นใจได้ว่าได้รับสัญญาถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีเงื่อนไขซ่อนเร้น และยังได้รับเงินไวแบบไม่ต้องเสี่ยงสูญทรัพย์
ตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่าเมื่ออยากกู้เงินด่วน: เลือกผู้ให้บริการถูกกฎหมาย
หากคุณต้องการกู้ เงินด่วน โดยใช้โฉนดที่ดินหรือทรัพย์สินเป็นหลักประกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกสถาบันที่มีใบอนุญาตและจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย เช่น ผู้ให้สินเชื่อประเภทพิโกไฟแนนซ์ ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแล ทำให้สัญญาที่ทำมีความปลอดภัยสูง
ตัวอย่างขั้นตอนจาก “เพื่อนแท้ เงินด่วน”
- ประเมินมูลค่าที่ดิน – ให้ราคาสูง ได้วงเงินกู้สูงสุด 130%
- เตรียมเอกสารง่าย – ใช้เพียงโฉนดตัวจริง บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน
- ทำสัญญาเงินกู้ถูกต้องตามกฎหมาย – ไม่ใช้สัญญาจะซื้อจะขายหรือเอกสารเสี่ยง
- อนุมัติเร็ว – รับเงินไวภายในไม่กี่ชั่วโมง
รูปแบบนี้ช่วยให้คุณได้รับเงินอย่างรวดเร็วเช่นกัน แต่ยังคงอยู่บนความปลอดภัยทางกฎหมาย ไม่ต้องกังวลเรื่องทรัพย์หลุด หรือการถูกบังคับขายโดยไม่เป็นธรรม
สรุป
การกู้ เงินด่วน ด้วยสัญญาจะซื้อจะขาย แม้ทำได้รวดเร็ว แต่มีความเสี่ยงสูงต่อการเสียทรัพย์เพราะไม่ได้รับรองโดยกฎหมาย ขณะที่การจำนองให้ความปลอดภัยมากกว่า เนื่องจากจดทะเบียนอย่างถูกต้อง ผู้กู้ยังคงเป็นเจ้าของทรัพย์ และมีความโปร่งใสทุกขั้นตอน หากต้องการเงินด่วนแบบปลอดภัย ควรเลือกผู้ให้บริการถูกต้องตามกฎหมาย เช่น “เพื่อนแท้ เงินด่วน” ที่ใช้สัญญาเงินกู้มาตรฐาน ให้วงเงินสูง อนุมัติเร็ว และไม่มีเงื่อนไขซ่อนเร้น ช่วยให้คุณแก้ปัญหาได้ทันทีโดยไม่เสี่ยงทรัพย์หลุดมือ






