FAR และ OSR คืออะไร ทำไมสำคัญต่อราคาประเมินโฉนดที่ดิน

FAR และ OSR คืออะไร

เคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมที่ดินสองแปลงที่มีขนาดเท่ากัน อยู่ในละแวกใกล้เคียงกัน แต่กลับมีราคาซื้อขายหรือราคาประเมินที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ปัญหาเหล่านี้มักสร้างความสับสนให้กับเจ้าของที่ดินและนักลงทุนมือใหม่ที่ไม่ทราบถึง “ศักยภาพที่แท้จริง” ของโฉนดที่ดินในมือ กุญแจสำคัญที่จะไขปริศนานี้คือกฎหมายผังเมืองรวม ซึ่งระบุเงื่อนไขการใช้ประโยชน์ที่ดินผ่านตัวแปรสำคัญสองตัว บทความนี้ “เพื่อนแท้เงินด่วน” จะพาไปทำความเข้าใจว่า FAR คืออะไร และ OSR คืออะไร พร้อมวิธีคำนวณที่จะช่วยให้ประเมินมูลค่าทรัพย์สินได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

FAR (Floor Area Ratio) คืออะไร

FAR คือ อัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน (Floor Area Ratio) หรือพูดให้เข้าใจง่ายที่สุดคือ ตัวเลขที่กฎหมายกำหนดว่าที่ดินแปลงนั้นสามารถสร้างอาคารได้ขนาดใหญ่แค่ไหนเมื่อเทียบกับขนาดที่ดินที่มีอยู่ โดยความสำคัญของ FAR คือการเป็นเครื่องมือทางกฎหมายผังเมืองที่ใช้ควบคุมความหนาแน่นของประชากรและปริมาณการจราจรในแต่ละพื้นที่ หากพื้นที่ใดมีค่า FAR สูง แสดงว่าเป็นพื้นที่ที่รัฐส่งเสริมให้มีความหนาแน่นสูง เช่น ย่านธุรกิจใจกลางเมือง (CBD) ส่วนพื้นที่ที่มีค่า FAR ต่ำ มักจะเป็นพื้นที่อนุรักษ์หรือที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย

สูตรการคำนวณ FAR

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนว่า FAR คือตัวกำหนดขนาดอาคารได้อย่างไร เราสามารถคำนวณได้จากสูตรดังนี้

พื้นที่อาคารรวมที่สร้างได้ (ตร.ม.) = ขนาดที่ดิน (ตร.ม.) x ค่า FAR

ตัวอย่างการคำนวณ สมมติว่าคุณมีที่ดินขนาด 1 ไร่ (เท่ากับ 400 ตารางวา หรือ 1,600 ตารางเมตร)

  • กรณีที่ 1 พื้นที่สีแดง (พาณิชยกรรม): หากกฎหมายกำหนดค่า FAR เท่ากับ 10:1 พื้นที่อาคารที่สร้างได้สูงสุด = 1,600 x 10 = 16,000 ตารางเมตร (สามารถสร้างตึกสูงขนาดใหญ่ได้)
  • กรณีที่ 2 พื้นที่สีเหลือง (ที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย): หากกฎหมายกำหนดค่า FAR เท่ากับ 3:1 พื้นที่อาคารที่สร้างได้สูงสุด = 1,600 x 3 = 4,800 ตารางเมตร

จะเห็นได้ว่า แม้ที่ดินจะมีขนาด 1 ไร่เท่ากัน แต่ศักยภาพในการพัฒนาแตกต่างกันถึงกว่า 3 เท่าตัว ซึ่งนี่คือเหตุผลหลักว่าทำไมความเข้าใจว่า FAR คืออะไร จึงส่งผลต่อราคาที่ดินโดยตรง

OSR (Open Space Ratio) คืออะไร

OSR คือ อัตราส่วนพื้นที่ว่างปราศจากสิ่งปกคลุมต่อพื้นที่อาคารรวม (Open Space Ratio) หมายถึง พื้นที่ที่ต้องเว้นว่างไว้โดยไม่มีสิ่งก่อสร้างปกคลุม ดาดฟ้า หรือหลังคาคลุม เพื่อให้เป็นที่โล่งสำหรับการระบายอากาศ แสงแดดส่องถึง และการซึมผ่านของน้ำฝนตามธรรมชาติ โดยกฎหมายกำหนดให้มีค่า OSR คือเปอร์เซ็นต์ของพื้นที่อาคารรวมที่เราสร้างขึ้น วัตถุประสงค์หลักคือการรักษาสภาพแวดล้อมที่ดีของเมือง ลดความแออัด และเตรียมพื้นที่ไว้สำหรับสาธารณูปโภคหรือเหตุฉุกเฉิน

สูตรการคำนวณ OSR

การคำนวณหาพื้นที่ว่างที่ต้องจัดเตรียมตามกฎหมาย เพื่อให้เข้าใจว่า OSR คือข้อบังคับที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ใช้สูตรดังนี้

พื้นที่ว่างที่ต้องมี (ตร.ม.) = พื้นที่อาคารรวมที่สร้าง (ตร.ม.) x ค่า OSR (%)

ตัวอย่างการคำนวณ (ต่อเนื่องจากตัวอย่าง FAR) สมมติว่าเราใช้สิทธิ์สร้างอาคารในพื้นที่สีแดงเต็มจำนวนที่ 16,000 ตารางเมตร และกฎหมายกำหนดค่า OSR ไว้ที่ 3%

  • พื้นที่ว่างที่ต้องเว้นไว้ = 16,000 x 3% = 480 ตารางเมตร

ดังนั้น ในการวางแผนก่อสร้าง นอกจากจะคำนวณพื้นที่ใช้สอยจาก FAR คือเท่าไหร่แล้ว ต้องหักลบพื้นที่ดินส่วนหนึ่งเพื่อทำเป็นพื้นที่ว่างตามค่า OSR คือจำนวนเท่าใดด้วย เพื่อให้โครงการผ่านการอนุมัติตามกฎหมาย

ความสัมพันธ์ระหว่าง FAR และ OSR กับผังเมืองสีต่างๆ

กฎหมายผังเมืองรวมมีการจำแนกการใช้ประโยชน์ที่ดินด้วย “รหัสสี” ซึ่งแต่ละสีจะมีข้อกำหนดที่แตกต่างกัน โดยค่า FAR คือตัวแปรที่ผันแปรตามสีผังเมือง และค่า OSR คือตัวแปรที่มักจะแปรผกผันกับความหนาแน่น กล่าวคือ ยิ่งพื้นที่เจริญมาก (FAR สูง) ค่า OSR มักจะต่ำลง เพื่อให้ใช้ประโยชน์ที่ดินได้คุ้มค่าที่สุด

ตารางสรุปความสัมพันธ์ของผังเมืองกับค่า FAR และ OSR

ประเภทสีผังเมือง

วัตถุประสงค์การใช้ที่ดิน

ลักษณะค่า FAR (โดยประมาณ)

ลักษณะค่า OSR (โดยประมาณ)

สีเหลือง

ที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย

ต่ำ (เช่น 1-3)

สูง (เช่น 10-40%)

สีส้ม

ที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลาง

ปานกลาง (เช่น 3-5)

ปานกลาง (เช่น 6-10%)

สีน้ำตาล

ที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก

สูง (เช่น 6-8)

ต่ำ (เช่น 4-6%)

สีแดง

พาณิชยกรรม (ศูนย์กลางเมือง)

สูงที่สุด (เช่น 7-10)

ต่ำที่สุด (เช่น 3-5%)

สีเขียว

เกษตรกรรม/ชนบท

ต่ำมาก

สูงมาก

จากตารางจะเห็นว่าที่ดินประเภทพาณิชยกรรม (สีแดง) มีศักยภาพสูงสุด เพราะนิยามทางกฎหมายของ FAR อนุญาตให้สร้างได้มากที่สุด และ OSR บังคับเว้นที่ว่างน้อยที่สุด ทำให้ราคาที่ดินในโซนนี้แพงที่สุดนั่นเอง

ทำไม FAR และ OSR จึงสำคัญต่อราคาประเมินที่ดิน

การเข้าใจความหมายว่า FAR และ OSR คืออะไร ไม่ใช่แค่เรื่องของวิศวกรหรือสถาปนิก แต่เป็นเรื่อง “เงินๆ ทองๆ” ของเจ้าของที่ดินโดยตรง เพราะสองค่านี้คือตัวชี้วัดความสามารถในการทำกำไรของที่ดินแปลงนั้นๆ

FAR ตัวกำหนดพื้นที่ขาย

ในมุมมองของการประเมินมูลค่า ความสูงของค่า FAR คือตัวบ่งชี้ปริมาณ “พื้นที่ขาย” (Saleable Area) หรือพื้นที่เช่า (Leasable Area) ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หากที่ดินมีค่า FAR สูง หมายความว่าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์สามารถสร้างอาคารสูงหรือคอนโดมิเนียมที่มีจำนวนยูนิตขายได้มาก เมื่อพื้นที่ขายมาก รายได้ของโครงการก็จะสูงตามไปด้วย ส่งผลให้ผู้ประกอบการกล้าทุ่มเงินซื้อที่ดินแปลงนั้นในราคาที่สูงกว่าที่ดินที่มีค่า FAR ต่ำ ดังนั้น FAR คือปัจจัยอันดับหนึ่งที่กำหนดราคาตลาดของที่ดิน

OSR ตัวแปรต้นทุนที่ดิน

ในทางตรงกันข้าม ค่า OSR คือตัวแปรฝั่งต้นทุน การที่กฎหมายบังคับให้เว้นที่ว่าง (Open Space) หมายความว่าที่ดินส่วนหนึ่งจะไม่สามารถนำมาสร้างเป็นพื้นที่ขายได้โดยตรง ทำให้เสียโอกาสในการทำกำไรต่อตารางเมตร อย่างไรก็ตาม การมี OSR ที่เหมาะสมก็อาจเพิ่มมูลค่าในเชิงคุณภาพ (Intangible Value) ได้ เช่น การมีพื้นที่สวน พื้นที่สีเขียว หรือทัศนียภาพที่ดี (Landscape) ซึ่งสามารถนำมาเป็นจุดขายเพื่ออัพราคาโครงการได้ แต่ในเชิงคณิตศาสตร์การเงินเบื้องต้น OSR คือข้อจำกัดที่ทำให้ใช้พื้นที่ดินได้ไม่เต็ม 100%

กรณีศึกษา เปรียบเทียบที่ดิน 2 แปลง

เพื่อให้เห็นภาพว่า FAR คือตัวกำหนดราคาได้อย่างไร ลองเปรียบเทียบที่ดิน 2 แปลง ขนาด 1 ไร่เท่ากัน:

  • แปลง A (สีน้ำตาล) FAR 6, OSR 5% -> สร้างได้ 9,600 ตร.ม.
  • แปลง B (สีเหลือง) FAR 3, OSR 10% -> สร้างได้ 4,800 ตร.ม. แม้ที่ดินจะติดกันหรืออยู่ตรงข้ามถนนกัน แต่หากผังสีต่างกัน มูลค่าโครงการของแปลง A จะสูงกว่าแปลง B ถึง 2 เท่าโดยประมาณ ส่งผลให้ราคาประเมินและราคาซื้อขายจริงของแปลง A สูงกว่าอย่างชัดเจน นี่คือเหตุผลว่าทำไมต้องรู้ว่า FAR คือเท่าไหร่ก่อนตั้งราคาขาย
ปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่อค่า FAR

ปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่อค่า FAR และราคาที่ดิน

แม้จะทราบแล้วว่า FAR คือค่าที่กำหนดพื้นที่อาคารสูงสุด แต่ในทางปฏิบัติยังมีกฎหมายควบคุมอาคารอื่นๆ ที่อาจเป็น “ตัวหาร” ทำให้ไม่สามารถสร้างได้เต็มตามสิทธิ์ FAR ได้แก่:

  • ความกว้างของเขตทางสาธารณะ นี่คือกับดักที่นักลงทุนมักพลาด แม้ค่า FAR คือ 10 แต่ถ้าถนนหน้าที่ดินกว้างไม่ถึงเกณฑ์ (เช่น กว้างไม่ถึง 10 เมตร หรือ 30 เมตร ตามกฎกระทรวง) กฎหมายจะจำกัดความสูงของอาคารทันที ทำให้ไม่สามารถใช้สิทธิ์ FAR ได้เต็มจำนวน ราคาที่ดินจึงตกลง
  • มาตรการ Bonus FAR ในบางกรณี FAR คือค่าที่สามารถ “เพิ่มขึ้นได้” หากผู้ประกอบการทำตามเงื่อนไขพิเศษ (Bonus) เช่น การจัดให้มีพื้นที่รับน้ำ (แก้มลิง), การสร้างอาคารเขียว (Green Building) ตามมาตรฐาน หรือการสร้างที่จอดรถสาธารณะรอบสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งการได้ Bonus นี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าโครงการและราคาที่ดินได้อีกทางหนึ่ง

วิธีตรวจสอบค่า FAR และ OSR ของโฉนดที่ดิน

การตรวจสอบข้อมูลว่าที่ดินของเรามีค่า FAR และ OSR เท่าไหร่ ในปัจจุบันสามารถทำได้ง่ายและรวดเร็วผ่านช่องทางออนไลน์ ดังนี้

    1. เว็บไซต์กรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นแหล่งข้อมูลหลักในการตรวจสอบผังเมืองรวมของแต่ละจังหวัด
    2. เว็บไซต์ตรวจสอบผังเมืองออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ของสำนักการวางผังและพัฒนาเมือง (สำหรับ กทม.) หรือระบบค้นหารูปแปลงที่ดิน (LandMaps) ที่มักมีการเชื่อมโยงข้อมูลผังเมือง
  • Step-by-step สั้นๆ
    • เข้าเว็บไซต์และระบุตำแหน่งที่ดิน (เลขโฉนด หรือปักหมุด)
    • ตรวจสอบ “สี” ของผังเมืองที่แปลงที่ดินตั้งอยู่
    • นำสีที่ได้ไปเทียบกับตารางข้อกำหนดท้ายกฎกระทรวง เพื่อดูว่าค่า FAR คือเท่าไหร่ และ OSR คือกี่เปอร์เซ็นต์

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับค่า FAR และ OSR

ค่า FAR และ OSR ของแต่ละจังหวัดเหมือนกันหรือไม่?

ไม่เหมือนกัน ข้อกำหนดเรื่อง FAR คืออะไรและ OSR คือเท่าไหร่ จะขึ้นอยู่กับกฎหมายผังเมืองรวมของจังหวัดหรือท้องถิ่นนั้นๆ ซึ่งแต่ละพื้นที่มีบริบทการพัฒนาเมืองที่แตกต่างกัน ดังนั้นต้องตรวจสอบข้อมูลที่เป็นปัจจุบันของรายพื้นที่หรือรายจังหวัดเสมอ

ถ้าถนนหน้าบ้านแคบ จะใช้สิทธิ์ FAR เต็มจำนวนได้ไหม?

อาจไม่ได้ แม้ในผังเมืองจะระบุว่า FAR คือค่าที่สูงมาก แต่กฎหมายควบคุมอาคารจะเข้ามากำกับดูแลเรื่องความปลอดภัย โดยมีความสัมพันธ์ระหว่าง “ความกว้างของเขตทาง” กับ “ความสูงอาคาร” หากถนนหน้าบ้านแคบเกินไป อาคารจะถูกจำกัดความสูง ทำให้พื้นที่ก่อสร้างจริงลดลง และใช้สิทธิ์ FAR ได้ไม่เต็มจำนวน

สามารถขอเพิ่มค่า FAR (Bonus FAR) ได้อย่างไร?

สามารถทำได้ในบางพื้นที่ที่มีมาตรการส่งเสริม โดยการขอเพิ่มค่า FAR คือการขอสิทธิ์ก่อสร้างเพิ่มแลกกับการทำประโยชน์สาธารณะ ต้องเข้าเงื่อนไขพิเศษ เช่น การจัดให้มีพื้นที่โล่งสาธารณะ, การสร้างอาคารประหยัดพลังงาน (Green Building), หรือการสร้างอาคารใกล้อาคารระบบขนส่งมวลชนและจัดให้มีที่จอดรถสาธารณะ ตามที่กฎหมายผังเมืองกำหนดไว้

สรุป FAR และ OSR คืออะไร

สรุปบทความ

เมื่อเข้าใจแล้วว่า FAR และ OSR คืออะไร เชื่อว่าท่านจะมองเห็นมูลค่าที่แท้จริงของที่ดินในมือชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นที่ดินศักยภาพสูงในเมืองหรือที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย หากท่านต้องการแปลงสินทรัพย์เหล่านี้เป็นเงินทุนหมุนเวียน “เพื่อนแท้เงินด่วน” พร้อมเป็นผู้ช่วยทางการเงินให้กับท่าน เราให้บริการสินเชื่อโฉนดที่ดินที่เข้าใจง่ายและจริงใจ ช่วยให้การไถ่ถอนจำนองขายฝาก หรือการขอสินเชื่อใหม่เป็นเรื่องที่ไม่ซับซ้อน หมดกังวลเรื่องดอกเบี้ยจำนองที่สูงเกินจริง หรือขั้นตอนที่ยุ่งยาก เราอนุมัติวงเงินสูงสุดถึง 130% ของราคาประเมิน โดยที่ท่านไม่ต้องเสียเวลาไปจดจำนองที่กรมที่ดิน สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย เพื่อให้ท่านได้รับเงินทุนไปต่อยอดได้ทันเวลา

เพื่อนแท้ เงินด่วน

บทความยอดนิยม