รู้จักกับ DSR: อัตราส่วนการชำระหนี้คืออะไรและสำคัญอย่างไร

ในโลกของการเงินและการลงทุน การประเมินความสามารถในการชำระหนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผู้กู้และผู้ให้กู้สามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลที่ถูกต้อง DSR หรือ Debt Service Ratio (อัตราส่วนการชำระหนี้) เป็นเครื่องมือที่ถูกนำมาใช้ในการวัดอัตราส่วนระหว่างภาระหนี้สินกับรายได้สุทธิของบุคคลหรือองค์กร 

การเข้าใจและรู้จักการคำนวณ DSR จะช่วยให้เราสามารถจัดการการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันปัญหาหนี้สินเกินตัว และสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจความหมาย วิธีการคำนวณ ความสำคัญ และวิธีการปรับปรุงค่า DSR เพื่อให้คุณมีความรู้และสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจ 

ความหมายของ DSR

DSR ย่อมาจาก Debt Service Ratio ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยว่า “อัตราส่วนการชำระหนี้” เป็นการวัดอัตราส่วนของรายได้สุทธิกับภาระหนี้สินที่ต้องชำระในแต่ละเดือน เป็นเครื่องมือสำคัญในการประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของบุคคลหรือองค์กร

ในปัจจุบัน การใช้งาน DSR เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไปในวงการการเงิน ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร สถาบันการเงิน หรือแม้แต่ในการบริหารการเงินส่วนบุคคล เพื่อช่วยในการประเมินความเสี่ยงของการให้กู้ยืม และการวางแผนการเงินที่มีประสิทธิภาพ 

DSR คืออะไร

วิธีการคำนวณ DSR

การคำนวณ DSR ไม่ได้ยุ่งยากมาก โดยมีสูตรง่ายๆ ที่ใช้คำนวณ ดังนี้:

DSR = ภาระหนี้สินต่อเดือน / รายได้สุทธิต่อเดือน ×100

ตัวอย่างเช่น หากบุคคลหนึ่งมีรายได้สุทธิต่อเดือน 50,000 บาท และมีภาระหนี้สินที่ต้องชำระต่อเดือน 15,000 บาท การคำนวณ DSR จะเป็นดังนี้ 

DSR = 15,000/50,000 ×100 = 30% 

จากตัวอย่างนี้จะเห็นได้ว่า บุคคลนี้มี DSR อยู่ที่ 30% ซึ่งหมายความว่า 30% ของรายได้ทั้งหมดต้องถูกนำไปชำระหนี้

ความสำคัญของ DSR

DSR เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของบุคคลหรือองค์กร ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นหัวข้อย่อยได้ดังนี้:

  1. การอนุมัติสินเชื่อ: ธนาคารและสถาบันการเงินใช้ DSR เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ หาก DSR สูงเกินไป ผู้กู้จะมีความเสี่ยงที่จะไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด 
  2. การวางแผนการเงินส่วนบุคคล: บุคคลสามารถใช้ DSR เพื่อประเมินสถานะทางการเงินของตนเอง และวางแผนการเงินให้มีความสมดุล เพื่อป้องกันปัญหาทางการเงินในอนาคต 
  3. การประเมินความเสี่ยงทางการเงิน: สำหรับองค์กร DSR ช่วยให้สามารถประเมินความเสี่ยงในการชำระหนี้ และทำให้สามารถจัดการเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
  4. การสร้างวินัยทางการเงิน: DSR ช่วยสร้างวินัยในการใช้จ่ายและการบริหารหนี้สิน ทำให้สามารถวางแผนการใช้จ่ายได้อย่างรอบคอบ

ปัจจัยที่มีผลต่อ DSR

มีหลายปัจจัยที่สามารถส่งผลต่อค่า DSR ของบุคคลหรือองค์กรได้ ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็นหัวข้อดังนี้:

  1. รายได้: รายได้สุทธิเป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อ DSR หากรายได้เพิ่มขึ้น ค่า DSR จะลดลง ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการชำระหนี้ที่ดีขึ้น 
  2. หนี้สิน: ภาระหนี้สินที่ต้องชำระเป็นปัจจัยที่สำคัญอีกประการหนึ่ง หากมีหนี้สินมาก ค่า DSR จะสูงขึ้น ซึ่งแสดงถึงความเสี่ยงในการชำระหนี้ที่เพิ่มขึ้น 
  3. อัตราดอกเบี้ย: อัตราดอกเบี้ยมีผลโดยตรงต่อภาระการชำระหนี้ หากอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ภาระหนี้สินที่ต้องชำระก็จะสูงขึ้นตาม ทำให้ DSR เพิ่มขึ้น 
  4. ระยะเวลาการชำระหนี้: ระยะเวลาการชำระหนี้ที่ยาวนานสามารถช่วยลดภาระการชำระหนี้ในแต่ละเดือน ทำให้ DSR ลดลง
  5. การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ: ภาวะเศรษฐกิจมีผลต่อรายได้และความสามารถในการชำระหนี้ของบุคคลและองค์กร หากเศรษฐกิจไม่ดี รายได้อาจลดลง ทำให้ DSR สูงขึ้น 

วิธีการปรับปรุง DSR

หากบุคคลหรือองค์กรพบว่าค่า DSR ของตนเองสูงเกินไป มีวิธีการหลายประการที่สามารถนำมาใช้เพื่อปรับปรุงค่า DSR ให้ดีขึ้น ดังนี้:

  1. การเพิ่มรายได้: การหาทางเพิ่มรายได้เป็นวิธีที่สามารถช่วยลดค่า DSR ได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานเสริมหรือการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดี 
  2. การลดหนี้สิน: การลดหนี้สินที่มีอยู่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดค่า DSR ไม่ว่าจะเป็นการชำระหนี้ก่อนกำหนด หรือการรีไฟแนนซ์หนี้สินเพื่อลดอัตราดอกเบี้ย 
  3. การวางแผนการเงินที่ดี: การวางแผนการเงินที่ดีช่วยให้สามารถบริหารจัดการรายได้และหนี้สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การจัดทำงบประมาณรายรับรายจ่าย การสำรองเงินฉุกเฉิน และการลงทุนอย่างรอบคอบ 
  4. การเพิ่มระยะเวลาการชำระหนี้: การเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขยายระยะเวลาการชำระหนี้สามารถช่วยลดภาระการชำระหนี้ในแต่ละเดือน ทำให้ DSR ลดลง 
  5. การลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น: การลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นช่วยให้มีเงินเหลือสำหรับชำระหนี้มากขึ้น ทำให้ DSR ลดลง 

สรุป

DSR หรืออัตราส่วนการชำระหนี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของบุคคลหรือองค์กร การคำนวณ DSR ช่วยให้ทราบถึงสัดส่วนของรายได้ที่ถูกนำไปใช้ในการชำระหนี้ ซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญในการตัดสินใจทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการขอสินเชื่อ การวางแผนการเงินส่วนบุคคล หรือการประเมินความเสี่ยงทางการเงิน

การมี DSR ที่ดีสามารถช่วยให้มีสถานะทางการเงินที่มั่นคงและลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาทางการเงินในอนาคตได้ ดังนั้น การวางแผนและการบริหารจัดการรายได้และหนี้สินอย่างรอบคอบเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้สามารถรักษา DSR ในระดับที่เหมาะสม

เพื่อนแท้ เงินด่วน

บทความยอดนิยม