ผู้จัดการมรดกคืออะไร มีหน้าที่ทำอะไร มีสิทธิ์อะไรบ้าง วันนี้เราจะพามาเจาะลึกทุกขั้นตอน ตั้งแต่วิธีการเลือกผู้จัดการหรือค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงเอกสารที่ต้องใช้มีอะไรบ้าง วันนี้เราจะพาไปดูรายละเอียดกัน ทุกๆขั้นตอนเลย
ผู้จัดการมรดก คือ
ผู้จัดการมรดก คือ ผู้ที่ศาลมีคำสั่งหรือแต่งตั้งให้ทำหน้าที่รวบรวมหลักฐานของทรัพย์สิน เช่น โฉนดที่ดิน รถยนต์ และแบ่งปันทรัพย์สินของผู้ตายให้กับทายาทที่มีสิทธิได้รับมรดก โดยผู้ที่มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อแต่งตั้งผู้จัดการมรดกได้นั้นจะต้องเป็นอัยการ หรือทายาท หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเท่านั้น
ใครเป็นผู้จัดการมรดกได้บ้าง?
- ชื่อของบุคคลซึ่งผู้ตายได้ระบุไว้ในพินัยกรรมให้เป็นผู้จัดการมรดก
- ชื่อของบุคคลซึ่งศาลมีคำสั่งแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดก
คุณสมบัติของผู้จัดการมรดก
- บรรลุนิติภาวะ อายุตั้งแต่ 20 ปีบริบูรณ์
- ไม่เป็นคนวิกลจริต
- ไม่เป็นบุคคลไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
- ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
ผู้มีสิทธิยื่นคำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก
- ทายาทโดยธรรมที่มีสิทธิได้รับมรดกจริงๆ หรือผู้รับพินัยกรรม
- ผู้มีส่วนได้เสีย เช่น เจ้าของร่วมในทรัพย์สินของเจ้ามรดก หรือสามีภริยาซึ่งไม่ได้จดทะเบียนสมรส และมีทรัพย์สินร่วมกัน เป็นต้น
- พนักงานอัยการ
ใครไม่มีสิทธิ์เป็นผู้จัดการมรดกบ้าง?
- เป็นบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ (ยังไม่บรรลุนิติภาวะ)
- เป็นบุคคลวิกลจริต
- เป็นบุคคลไร้ความสามารถ
- เป็นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ
- เป็นบุคคลล้มละลาย
หน้าที่ผู้จัดการมรดก
- หน้าที่ของผู้จัดการมรดก คือ รวบรวมข้อมูลหลักฐานรวมถึงทำบัญชีต่างๆ เพื่อแบ่งให้ผู้รับพินัยกรรม และ ทายาทโดยธรรมรวมถึงชำระหนี้สินของเจ้ามรดกให้กับเจ้าหนี้ โดยผู้จัดการมรดกจะต้องจัดการให้เป็นประโยชน์มากที่สุดและไม่ทำผลประโยชน์จากกองมรดกให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง
- หากผู้จัดการมรดกไม่ทำตามหน้าที่หรือเพิกเฉยต่อการปฏิบัติหน้าที่ ทายาทผู้ที่มีสิทธิได้รับมรดกหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสามารถร้องขอต่อศาลให้ศาลมีคำสั่งถอดถอนผู้จัดการมรดกได้
ทายาทของเจ้ามรดกมีใครบ้าง
บุคคลที่มีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตายนั้นจะต้องเป็นทายาท ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ ผู้รับพินัยกรรม และ ทายาทโดยธรรม
ผู้รับพินัยกรรม
ทายาทโดยชอบธรรม
- ทายาทโดยชอบธรรม คือ เป็นบุคคลที่กฎหมายกำหนดให้มีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตาย ซึ่งถ้าหากไม่ได้ทำพินัยกรรมหรือพินัยกรรมเป็นโมฆะ จะมีทายาทโดยธรรมทั้งหมด 6 กรณี ได้แก่
- ผู้สืบสันดาน (บุตรทางสายเลือดหรือบุตรบุญธรรม)
- บิดามารดา
- พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน
- พี่น้องร่วมบิดาหรือมารดาเดียวกัน
- ปู่ ย่า ตา ยาย
- ลุง ป้า น้า อา
วิธีการแต่งตั้งผู้จัดการมรดก
การแต่งตั้งผู้จัดการมรดกนั้นมีความสำคัญอย่างมาก เมื่อบุพการีหรือผู้ครอบครองสินทรัพย์นั้นๆ เสียชีวิตลง และต้องมีการแบ่งมรดกที่ได้มาอย่างเท่าเทียมแก่ผู้ที่มีสิทธิในกองมรดกนั้นๆ แล้วขั้นตอนการแต่งตั้งผู้จัดการมรดก มีดังนี้
1. ตรวจสอบพินัยกรรม
ขั้นตอนแรกคือการตรวจสอบว่าผู้ตายได้ทิ้งพินัยกรรมโดยระบุผู้ดำเนินการสำหรับอสังหาริมทรัพย์ของตนหรือไม่ บ่อยครั้งที่บุคคลที่สร้างพินัยกรรม (ผู้ทำพินัยกรรม) ตั้งชื่อบุคคลที่เชื่อถือได้ว่าเป็นผู้ดำเนินการเพื่อจัดการทรัพย์สินของตนหลังจากเสียชีวิต
2. แสวงหาฉันทามติในหมู่ทายาท
หากพินัยกรรมไม่ได้ระบุชื่อผู้ดำเนินการหรือหากไม่มีพินัยกรรม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความเห็นร่วมกันระหว่างทายาทหรือผู้รับผลประโยชน์ โดยจะตกลงแต่งตั้งกันเองหรือเลือกบุคคลภายนอกเป็นผู้ดำเนินการก็ได้
3. พิจารณาแต่งตั้งทนายมืออาชีพ
ในบางกรณี อาจเป็นการดีกว่าที่จะแต่งตั้งผู้ดำเนินการมืออาชีพ เช่น ทนายความ นักบัญชี หรือบริษัททรัสต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอสังหาริมทรัพย์มีขนาดใหญ่หรือซับซ้อน ผู้บริหารมืออาชีพมีประสบการณ์ในการจัดการเรื่องอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงภาระผูกพันทางกฎหมายและทางการเงิน
4. ส่งเอกสารสำหรับการแต่งตั้งผู้จัดการมรดกให้ศาล
เมื่อมีการตัดสินเลือกผู้จัดการมรดกแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการยื่นขอนัดหมายอย่างเป็นทางการกับศาล กระบวนการทางกฎหมายนี้รวมถึงการยื่นพินัยกรรม (ถ้ามี) และเอกสารที่จำเป็นต่อศาล ซึ่งจะแต่งตั้งผู้ดำเนินการอย่างเป็นทางการ
5. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้จัดการมรดกเข้าใจในบทบาทและหน้าที่
ผู้ดำเนินการที่ได้รับการแต่งตั้งในการจัดการมรดกจะต้องยอมรับบทบาทอย่างเป็นทางการโดยทำความเข้าใจกับความรับผิดชอบและหน้าที่ของตน ซึ่งรวมถึงการจัดการและการกระจายทรัพย์สินของอสังหาริมทรัพย์ การชำระหนี้และภาษี และการสรุปประเด็นทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์
เอกสารประกอบการยื่นคำร้องผู้จัดการมรดก
- เอกสารแสดงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ร้องกับเจ้ามรดก เช่น สูติบัตร ทะเบียนสมรส ทะเบียนบ้าน
- ใบมรณบัตรของเจ้ามรดก
- เอกสาร หรือทะเบียนเกี่ยวกับทรัพย์มรดก เช่น โฉนดที่ดิน บัญชีธนาคาร ทะเบียนรถยนต์ เป็นต้น
- บัญชีเครือญาติของเจ้ามรดก
- หนังสือยินยอมให้เป็นผู้จัดการมรดกจากทายาท
- พินัยกรรม (ถ้ามี)
- หนังสือสำคัญแสดงการเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี)
ค่าใช้จ่ายในการแต่งตั้งผู้จัดการมรดก
- ค่าคำขอ แปลงละ 5 บาท
- ค่าประกาศมรดก แปลงละ 10 บาท
- ค่าจดทะเบียนแต่งตั้งผู้จัดการมรดก ค่าใช้จ่าย แปลงละ 50 บาท
- ค่าจดทะเบียนในการโอนมรดกคิดเป็นร้อยละ 2 ตามราคาประเมินทุนทรัพย์
- ในกรณีโอนมรดกระหว่างบุพการีกับผู้สืบสันดาน หรือระหว่างคู่สมรส เรียกตามราคาประเมินทุนทรัพย์ ร้อยละ 0.5
ระยะเวลาแต่งตั้งผู้จัดการมรดกกี่วัน
ต้องเริ่มนับตั้งแต่การลำดับทายาท จัดเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้อง พยานบุคคล และทนายจะเริ่มต้นทำคำร้องและยื่นต่อศาล ภายในไม่เกิน 1 สัปดาห์ และอาจจะมีระยะเวลาดำเนินการไม่เกิน 45 วัน
หมายเหตุ : ผู้จัดการมรดกจำเป็นจะต้องจัดทำบัญชีมรดกภายใน 15 วัน เริ่มนับตั้งแต่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดก (มาตรา 1731)
สรุป - การแต่งตั้งผู้จัดการมรดก
การแต่งตั้งผู้จัดการมรดกนั้นมีความสำคัญมากและมีหน้าที่ที่จะต้องทำให้มรดกที่ได้มาเกิดประโยชน์แก่ทายาทหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับมรดกทุกคนอย่างเท่าเทียม และการแต่งตั้งผู้จัดการมรดกก็มิได้หมายความว่ามรดกนั้นจะตกอยู่กับผู้จัดการมรดกแต่เพียงผู้เดียว เพราะฉะนั้นหากมีมรดกต้องจัดการก็อย่ากลัวที่จะแต่งตั้งผู้จัดการมรดก เพื่อความสมบูรณ์เรียบร้อยในการครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ควรเป็นของเรา