วิธีการคิดดอกเบี้ยต่อเดือน ที่ไม่ควรมองข้าม

การคิดดอกเบี้ย, วิธีคิดดอกเบี้ยต่อเดือน, ดอกเบี้ยเงินกู้

เมื่อพูดถึงการกู้เงินแล้ว เพื่อนแท้เงินด่วนเชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่มีผลต่อการตัดสินในการกู้เงินของหลายๆ คน รวมถึงส่งผลต่อจำนวนเงินกู้ที่ต้องชำระทั้งหมด ที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ “ การคิดดอกเบี้ยเงินกู้ ” นั่นเอง เพราะก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่า วิธีคิดดอกเบี้ยต่อเดือนคิดแบบไหน และทำไมถึงมีผลต่อการกู้เงิน

ดอกเบี้ยเงินกู้ คือ

ดอกเบี้ยเงินกู้ คือ ต้นทุนของการกู้เงิน หรือเรียกว่าเป็นจำนวนเงินที่สถาบันการเงิน หรือผู้ปล่อยกู้เรียกเก็บเพิ่มเติมเป็นค่าตอบแทนจากการปล่อยเงินกู้นั่นเอง โดยการคิดดอกเบี้ยที่ใช้เป็นมาตรฐานในแต่ละครั้ง จะใช้วิธีคิดดอกเบี้ยต่อเดือน จะมีทั้งแบบคงที่ และแบบลอยตัว

ซึ่งจะมีการตกลงกันไว้ตั้งแต่แรกในสัญญาเงินกู้ว่าจะมีการคิดแบบไหน โดยอาจจะแตกต่างกันตามประเภทของการกู้ ระยะเวลาในการชำระคืน ตลอดจนจำนวนเงินกู้ทั้งหมด เป็นต้น ซึ่งก่อนที่เราจะกู้เงินแต่ละครั้ง เราจำเป็นที่จะต้องรู้ด้วยว่า เงินกู้ของเรานั้นมีการคิดดอกเบี้ยแบบไหน

เพื่อที่เราจะได้นำวิธีคิดดอกเบี้ยต่อปีมาใช้พิจารณาในการตัดสินใจได้ว่า เราเหมาะที่จะกู้เงินแบบนี้หรือไม่อย่างไร โดยหลักๆ แล้วก็จะแบ่งออกเป็นดังนี้

วิธีคิดดอกเบี้ยต่อเดือน

สิ่งที่ผู้กู้เงินควรจะคำนึงถึงอีกอย่างก็คือดูว่า การคิดดอกเบี้ยเงินกู้นั้นๆ เป็นการคิดแบบลดต้นลดดอกหรือการคิดแบบเงินต้นคงที่ เพราะทั้งสองแบบต่างมีผลต่อจำนวนยอดเงินกู้เช่นเดียวกัน

วิธีคิดดอกเบี้ยต่อปีเป็นต่อเดือน สามารถคำนวณได้โดยเอา อัตราดอกเบี้ยต่อปี /12 เช่น ดอกเบี้ย 12% ต่อปี เมื่อคิดเป็นต่อเดือน = 12/12 = 1% ต่อเดือน

การคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกตามเกณฐ์ธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลัง จะให้ประโยชน์ต่อลูกหนี้ในเรื่องของการช่วยลดจำนวนเงินกู้ทั้งหมดที่จะต้องจ่ายได้ เพราะดอกเบี้ยที่ใช้คิดนั้นจะอิงตามยอดเงินต้นที่เหลืออยู่ เช่น

หากคุณทำการกู้เงินมาจำนวน 100,000 บาท โดยมีการผ่อนชำระ 10 เดือน ซึ่งเดือนแรกนั้นจะมีการคิดดอกเบี้ยที่อิงกับเงินต้นที่เต็มจำนวนคือ 100,000 บาท ต่อมาเมื่อคุณชำระเงินต้นไป 10,000 บาท ก็จะเหลือยอดเงินต้นที่ 90,000 บาท ซึ่งในการคิดในครั้งต่อไปก็จะคิดจากเงินต้นจำนวนนี้

และหากมีการชำระเงินกู้ไปเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นผลให้จำนวนเงินต้นที่มีลดน้อยลง ก็เท่ากับว่าจะมีการคิดดอกเบี้ยที่ลดลงตามจำนวนเงินต้นไปด้วยนั่นเอง เท่ากับว่าคุณจะสามารถประหยัดเงินลงไปได้เรื่อย จนกว่าเราจะผ่อนชำระหมด

ซึ่งจะทำให้เราสามารถผ่อนชำระได้ถูกกว่า แบบการคิดดอกเบี้ยไม่ลดต้นลดดอก หรือคิดดอกเบี้ยคง เช่น การคิดดอกเบี้ยรถ ที่โดยอิงจากเงินต้นแรกที่กู้ยืมมาไปตลอด เพราะหากเป็นแบบนั้นหมายถึงว่า คุณจะต้องเสียดอกที่คิดจากเงินต้น 100,000 บาทไปตลอดสัญญาจนกว่าจะผ่อนชำระหมดนั่นเอง

อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ ( Fixed Rate )

อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ คือ การทำสัญญาในการกู้เงินว่าจะมีการคิดดอกเบี้ยที่เป็นอัตราคงที่ไปตลอดสัญญา ไม่มีการปรับเพิ่มหรือลดตามภาวะเศรษฐกิจหรือต้นทุนต่างๆ ของสถาบันการเงิน

นั่นหมายถึงเราจะรู้ถึงจำนวนเงินทั้งหมดอย่างแน่นอนว่า เราจะต้องชำระเงินกู้ทั้งหมดในจำนวนเท่าใด และต้องชำระเงินนอกเหนือจากเงินต้นที่กู้ยืมมาเท่าใด ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบสำหรับใครที่อยากจะวางแผนทางการเงินในอนาคตไว้ให้แน่นอน หรือไม่อยากต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากปัจจัยต่างๆ ที่สามารถมากระทบต่อการคิดดอกเบี้ยได้ในอนาคต

ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเราได้ทำสัญญากู้เงินมาจำนวน 100,000 บาท โดยมีการคิดดอกเบี้ยต่อเดือนแบบคงที่อยู่ที่ร้อยละ 10 ต่อปี เท่ากับว่าเราจะต้องเสียดอกทั้งหมดอยู่ที่ 10,000 บาท เท่ากับว่าจำนวนเงินกู้ ทั้งหมดที่เราจะต้องจ่ายให้กับธนาคารก็คือ 110,000 บาท หรือหากมีการทำสัญญาผ่อนชำระอยู่ที่ 12 เดือน ก็คือเดือนละประมาณ 8,334 บาทนั่นเอง

สามารถดูตัวอย่างโปรแกรมคิดดอกเบี้ย ได้ที่ https://www.puean.co.th/loan-interest/

อัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว (Floating Rate)

อัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว คือ การคิดดอกเบี้ยเงินกู้ที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาของสัญญา โดยอาจจะปรับเพิ่มขึ้นหรือ ลดลงก็ได้ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ ต้นทุนของสถาบันการเงิน ซึ่งจะมีการประกาศออกมาล่วงหน้าเป็นรอบๆ โดยหากเรามีการกู้เงินที่มีการคิดแบบนี้ แน่นอนว่าจะต้องคอยติดตามดูประกาศจากสถาบันการเงินอยู่เสมอ

ซึ่งอาจจะดูเหมือนการคิดดอกเบี้ยแบบลอยตัวมีความไม่แน่นอน แต่ก็จะเป็นผลดีเมื่อมีการปรับการคิดดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ลง เพราะนั่นแสดงว่า ยอดเงินกู้ที่เราจะต้องชำระจะน้อยลงกว่าเดิมนั่นเอง แต่ในทางกลับกันหากมีการเปลี่ยนแปลงโดยปรับเพิ่ม ก็จะทำให้เราจะต้องชำระจำนวนเงินกู้ยืมที่เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน

ระยะเวลาในการผ่อนชำระ

นอกจากนั้นยังมีปัจจัยต่างๆ ที่สามารถส่งผลกับยอดเงินกู้และการคิดดอกเบี้ยเงินกู้ได้ด้วยเช่นกัน อย่างระยะเวลาในการผ่อนชำระที่เลือก เพราะหากเป็นการผ่อนชำระในระยะเวลาที่ยาวนาน แน่นอนว่านั่นหมายถึงคุณจะต้องเสียดอกสำหรับการกู้เงินไปเป็นเวลานานตามไปด้วย

ซึ่งการผ่อนแบบใช้ระยะเวลานาน อาจจะมีข้อดีตรงที่สามารถผ่อนในได้ในจำนวนเงินต่องวดที่ต่ำ ทำให้หากคุณเป็นคุณที่มีปัญหาในเรื่องสภาพคล่องทางการเงินอยู่บ่อยๆ จะไม่ต้องกระทบต่อการจัดสรรการเงินมากนัก

แต่หากคุณเลือกเป็นการคิดดอกเบี้ยผ่อนในระยะสั้น เช่น การคิดดอกเบี้ยบัตรเครดิต ก็จะทำให้ยอกที่ต้องผ่อนชำระต่อเดือนนั้นสูง แต่ก็จะทำให้หนี้เงินกู้ที่มีนั้นหมดเร็วตามไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่าคุณก็ไม่ต้องมาเสียดอกเบี้ยที่มากและต้องจ่ายนานๆ ด้วย

หากใครที่มีรายรับประจำที่ค่อนข้างคงที่ มีรายได้ประจำที่ค่อนข้างแน่นอน และสามารถบริหารจัดการทางการเงินของตัวเองได้เป็นอย่างดี ก็อาจจะเลือกเป็นการคิดดอกเบี้ยผ่อนชำระในระยะสั้นได้ ซึ่งจะให้ประโยชน์กับคุณได้มากกว่า

ปัจจัยภายนอกที่มีผลต่อการคิดดอกเบี้ย

อย่างไรก็ตามในการเลือกวิธีคิดดอกเบี้ยต่อเดือนของแต่ละคนนั้น ก็ต่างมีข้อจำกัดและปัจจัยภายนอกที่แตกต่างกันไป ซึ่งบางครั้งเราก็ไม่สามารถกำหนดและเลือกตามความต้องการเพียงอย่างเดียวได้ เพราะฉะนั้นการทำความเข้าใจ ในปัจจัยและผลกระทบต่าง ๆ ที่มีผลต่อการเลือกกู้เงินของตัวเอง

ตลอดจนศึกษาทำความเข้าใจในการคิดดอกเบี้ยแต่ละประเภทให้รอบคอบ ก็จะเป็นอีกสิ่งที่ช่วยให้เราสามารถเลือกกู้เงินได้เหมาะกับตัวเองมากที่สุด และก่อให้เกิดผลดีมากกว่าผลเสีย ซึ่งนอกจากเรื่องหลักที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังควรต้องคำนึงถึงเรื่องอื่น ๆ ประกอบด้วย

ไม่ว่าจะเป็นประเภทของเงินกู้ แหล่งเงินกู้ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่อปี ความสามารถในการชำระหนี้ อย่างการเลือกสถาบันการเงิน ถ้าจะกู้ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญมาก เช่นเดียวกันที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากเป็นแหล่งเงินกู้ที่ไม่ถูกกฎหมาย หรือ เรียกว่าแหล่งเงินกู้นอกระบบ ซึ่งเป็นที่รู้ ๆ กันอยู่แล้วว่าการได้เงินมาอย่างรวดเร็วนั้น ย่อมตามมาด้วยการคิดดอกเบี้ยที่สูงลิบตามไปด้วย

และแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ยอดเงินกู้ของเรานั้นพุ่งสูงขึ้น ได้อย่างไม่น่าเชื่อด้วยเช่นกัน จนบางคนเรียกได้ว่าผ่อนชำระมานานแค่ไหน เงินต้นก็ไม่ได้ลดน้อยลงตามไปด้วยเลย จนทำให้ต้องเผชิญกับภาวการณ์เป็นหนี้อย่างยาวนาน

หากมีการผิดชำระหนี้ก็ต้องเจอกับจำนวนยอดหนี้ที่สะสมมากขึ้นเรื่อยๆ จากการถูกค่าปรับหรือการคิดดอกเบี้ยจากดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ เรียกได้ว่าเป็นมหันตภัยร้ายทางการเงินเลยก็ว่าได้ และที่สำคัญที่สุดคืออย่าลืมมีวินัยในการชำระหนี้ การชำระให้ตรงเวลาและสม่ำเสมอ ที่จะช่วยให้คุณไม่ต้องเสี่ยงที่จะเจอกับค่าปรับต่าง ๆ หรือต้องเสียเครดิตทางการเงินไปด้วย

สรุป - การคิดดอกเบี้ย

รู้แบบนี้แล้ว ใครที่กำลังคิดจะกู้เงินอยู่ก็ลองนำประโยชน์ของการคิดดอกเบี้ยเงินกู้จากบทความนี้ ไปเป็นแนวทางในการบริหารการเงิน ตลอดจนใช้เป็นแนวทางในการวางแผนการกู้เงินของตัวเองดู เพราะเรื่องของการเงินไม่ใช่เรื่องไกลตัว และทุกอย่างในชีวิตล้วนเกี่ยวข้องกับการเงินทั้งสิ้น

รู้แบบนี้แล้ว ใครที่กำลังคิดจะกู้เงินอยู่ก็ลองนำประโยชน์ของวิธีคิดดอกเบี้ยต่อเดือนจากบทความนี้ ไปเป็นแนวทางในการบริหารการเงิน ตลอดจนใช้เป็นแนวทางในการวางแผนการกู้เงินของตัวเองดู เพราะเรื่องของการเงินไม่ใช่เรื่องไกลตัว และทุกอย่างในชีวิตล้วนเกี่ยวข้องกับการเงินทั้งสิ้น

เมื่อเราสามารถทำความเข้าใจการคิดดอกเบี้ยเงินกู้และเลือกใช้วิธีได้อย่างถูกต้อง เพื่อนแท้เงินด่วนมั่นใจว่าปัญหาเรื่องการเงินที่ต้องพบเจอย่อมมองเห็นทางออกได้ไม่ยากอย่างแน่นอน

เพื่อนแท้ เงินด่วน

บทความยอดนิยม