ประกันลดหย่อนภาษี ที่ต้องรู้

ประกันลดหย่อนภาษี ที่ต้องรู้

    การลดหย่อนภาษีเป็นเรื่องสำคัญที่คนทำงานและมีรายได้ควรรู้ โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์จากประกันภัยเพื่อช่วยลดภาระภาษีที่ต้องชำระในแต่ละปี ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกเรื่องราวของ “ประกันลดหย่อนภาษี” พร้อมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับภาษีและแนวทางการเลือกประกันที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการลดหย่อนภาษี 

ประกันลดหย่อนภาษีคืออะไร

ประกันลดหย่อนภาษีคืออะไร

ประกันลดหย่อนภาษี คือ ผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ได้รับการอนุมัติจากกรมสรรพากรให้สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการลดหย่อนภาษีรายได้บุคคลธรรมดาได้ โดยเงินที่จ่ายเป็นเบี้ยประกันภัยในแต่ละปีสามารถนำมาคำนวณเพื่อหักลดหย่อนจากรายได้รวมก่อนการคำนวณภาษี  ตัวอย่างประกันที่สามารถใช้ลดหย่อนภาษี ได้แก่ 

    • ประกันชีวิต 
    • ประกันสุขภาพ 
    • ประกันชีวิตแบบบำนาญ 
    • ประกันสุขภาพของพ่อแม่หรือคู่สมรส 

โดยเงื่อนไขและวงเงินที่สามารถลดหย่อนได้จะขึ้นอยู่กับประเภทของประกันและข้อกำหนดจากกรมสรรพากรในแต่ละปี 

ประเภทของประกันที่ลดหย่อนภาษีได้

ประเภทของประกันที่ลดหย่อนภาษีได้

    ประกันที่ลดหย่อนภาษีได้ เป็นตัวช่วยที่สำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการบริหารภาษีอย่างมีประสิทธิภาพและรับผลประโยชน์จากการออมเงินหรือป้องกันความเสี่ยงทางการเงินในอนาคต โดยประกันที่สามารถลดหย่อนภาษีได้มีทั้งหมด 4 ประเภทหลัก ดังนี้: 

    1. ประกันชีวิต ประกันชีวิตเป็นประเภทประกันที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับการลดหย่อนภาษี โดยเบี้ยประกันชีวิตที่จ่ายสามารถลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท ต่อปี
    2. ประกันสุขภาพ เบี้ยประกันสุขภาพสำหรับตนเองสามารถลดหย่อนได้สูงสุด 25,000 บาท ต่อปี และเมื่อรวมกับประกันชีวิตจะต้องไม่เกิน 100,000 บาท
    3. ประกันชีวิตแบบบำนาญ เป็นประกันที่เน้นการออมเงินเพื่อการเกษียณ โดยสามารถลดหย่อนได้สูงสุด 200,000 บาท ต่อปี แต่ต้องไม่เกิน 15% ของรายได้รวม
    4. ประกันสุขภาพของพ่อแม่หรือคู่สมรส การซื้อประกันสุขภาพให้พ่อแม่หรือคู่สมรสสามารถลดหย่อนได้สูงสุด 15,000 บาท ต่อปี
วิธีการคำนวณภาษีจากการใช้ประกันลดหย่อนภาษี

วิธีการคำนวณภาษีจากการใช้ประกันลดหย่อนภาษี

การคำนวณภาษีโดยใช้สิทธิลดหย่อนประกันจะมีขั้นตอนดังนี้ 

คำนวณรายได้รวมประจำปี รวมรายได้จากทุกช่องทาง เช่น เงินเดือน โบนัส หรือรายได้จากการลงทุน 

หักค่าใช้จ่ายตามมาตรฐาน เช่น ค่าลดหย่อนส่วนบุคคล 60,000 บาท 

หักค่าลดหย่อนเพิ่มเติม นำเบี้ยประกันที่จ่ายในปีนั้นมาคำนวณลดหย่อนตามเงื่อนไข 

คำนวณภาษีที่ต้องชำระ ใช้อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบบขั้นบันได 

ตัวอย่าง: 
หากคุณมีรายได้รวมปีละ 800,000 บาท และจ่ายเบี้ยประกันชีวิต 100,000 บาท และประกันสุขภาพ 25,000 บาท 

    • รายได้หลังหักลดหย่อน = 800,000 – 60,000 – 100,000 – 25,000 = 615,000 บาท 
    • คำนวณภาษีที่ต้องชำระจากฐานภาษีใหม่ 
ข้อควรระวังในการเลือกประกันลดหย่อนภาษี

ข้อควรระวังในการเลือกประกันลดหย่อนภาษี

แม้ว่าประกันจะช่วยลดหย่อนภาษีได้ แต่ควรคำนึงถึงปัจจัยดังนี้ 

    1. เป้าหมายทางการเงิน อย่าเลือกประกันเพียงเพื่อลดหย่อนภาษี แต่ควรเลือกที่ตอบโจทย์ความต้องการ เช่น คุ้มครองชีวิต สุขภาพ หรือออมเงิน 
    2. ค่าเบี้ยประกันรายปี ควรเลือกประกันที่จ่ายเบี้ยในระดับที่ไม่เป็นภาระต่อการเงิน 
    3. ระยะเวลาของประกัน บางประเภทต้องถือครองเป็นเวลานาน เช่น ประกันชีวิตแบบบำนาญ หากยกเลิกก่อนกำหนดอาจเสียสิทธิประโยชน์ 
    4. ข้อกำหนดและเงื่อนไขภาษี อ่านเงื่อนไขจากกรมสรรพากรอย่างละเอียดเพื่อให้มั่นใจว่าสามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้จริง 
สิทธิลดหย่อนภาษีอื่นที่เกี่ยวข้องกับประกัน

สิทธิลดหย่อนภาษีอื่นที่เกี่ยวข้องกับประกัน

นอกจากประกันชีวิตและสุขภาพ ยังมีสิทธิลดหย่อนที่เกี่ยวข้องอีก เช่น 

    • กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) 
    • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) 
    • กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) 

การรวมสิทธิเหล่านี้เข้ากับประกันลดหย่อนภาษีจะช่วยเพิ่มโอกาสในการลดหย่อนภาษีสูงสุด 

แนวทางการเลือกบริษัทประกันที่เชื่อถือได้

แนวทางการเลือกบริษัทประกันที่เชื่อถือได้

    1. ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ เลือกบริษัทที่มีประวัติการดำเนินงานที่ดีและได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) 
    2. เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ ตรวจสอบและเปรียบเทียบเบี้ยประกันและผลประโยชน์จากบริษัทต่าง ๆ 
    3. สอบถามคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ การปรึกษาเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายหรือที่ปรึกษาการเงินสามารถช่วยให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมได้ 
    4. อ่านรีวิวและประสบการณ์ของผู้ใช้งานจริง ประสบการณ์จากลูกค้าจริงช่วยให้เห็นภาพรวมของการบริการและความน่าเชื่อถือ 
คำแนะนำในการวางแผนลดหย่อนภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ

คำแนะนำในการวางแผนลดหย่อนภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ

    1. เริ่มต้นวางแผนตั้งแต่ต้นปี การวางแผนตั้งแต่ต้นปีช่วยให้คุณสามารถกระจายค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น 
    2. ติดตามข่าวสารจากกรมสรรพากร เงื่อนไขการลดหย่อนภาษีอาจมีการเปลี่ยนแปลงทุกปี 
    3. เลือกผลิตภัณฑ์ประกันที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ เช่น หากคุณต้องการความคุ้มครองสุขภาพ ควรเลือกประกันสุขภาพที่มีวงเงินคุ้มครองสูง 
    4. ตรวจสอบเอกสารและสิทธิการลดหย่อนภาษี เก็บเอกสารเกี่ยวกับการชำระเบี้ยประกันเพื่อใช้เป็นหลักฐานยื่นลดหย่อน 

สรุป

    การเลือกประกันลดหย่อนภาษีเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญทั้งในแง่ของการลดภาระภาษีและการวางแผนการเงินระยะยาว หากคุณเข้าใจเงื่อนไขและเลือกประกันที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากสิทธิลดหย่อนภาษี รวมถึงมีความมั่นคงทางการเงินในอนาคต 

เพื่อนแท้ เงินด่วน

บทความยอดนิยม