“ยามอุบากอง” เป็นการสืบสานความเป็นมาและความสำคัญของศาสตร์ทำนายที่มีลักษณะเฉพาะนี้ในวัฒนธรรมไทย ซึ่งยามอุบากองจะมีลักษณะเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมที่ถูกแบ่งออกเป็นช่อง ๆ และสัญลักษณ์ที่ปรากฏในแต่ละช่อง จะอธิบายถึงความหมายและสัญลักษณ์ของจุดวงกลมและกากบาทที่ปรากฏใน นอกจากนี้ยังบอกถึงประวัติความเป็นมาของในประวัติศาสตร์ไทยว่าทำไมมันกลายเป็นที่นิยมและน่าสนใจในวงกว้างของคนไทย
ยามอุบากองคืออะไร
ยามอุบากอง คือความเชื่อโบราณที่พึงได้รับความนิยมในการดูฤกษ์งามยามดีเพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างปลอดภัยและไร้อุปสรรค ซึ่งทำให้ปัจจุบันมีความนิยมในการใช้ดูฤกษ์ในเหตุการณ์ต่าง ๆ เช่นการพบปะลูกค้าเพื่อความเจรจาทางธุรกิจ การนำเสนองาน การแต่งงาน การออกรถ หรือการเปิดกิจการค้าขาย เป็นต้น
วิธีดูยามอุบากอง
วิธีดูยามอุบากองตามความเชื่อโบราณของไทยที่มีมานาน ซึ่งในปัจจุบันก็สามารถปรับใช้เพื่อดูฤกษ์งามยามดีได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ช่องที่มี 4 จุด และ 2 จุด ช่วงเวลานั้นถือเป็นฤกษ์ดีสามารถออกเดินทาง ออกรถ แต่งงาน หรือไปพบปะลูกค้าได้
- ช่องที่มี 1 จุด อย่าเพิ่งออกเดินทาง หรือกระทำการสำคัญใด ๆ
- ช่องว่าง ถือว่าฤกษ์กลาง ๆ ไม่มีเคราะห์ร้าย สามารถออกเดินทางหรือทำเรื่องสำคัญได้ แต่อาจไม่ได้โชคดีถึงขั้นมีลาภลอย
- ช่องกากบาท ไม่แนะนำให้เดินทางหรือกระทำการสำคัญใด ๆ เสี่ยงอันตรายและผิดพลาด
ทำไมถึงเรียกว่ายามอุบากอง
อุบากองเป็นชื่อของนายทหารเอกพม่าที่ถูกจับตัวไปโดยฝ่ายไทยในช่วงที่พระเจ้าปะดุงนำกองทัพ 9 ทัพมาโจมตีเมืองเชียงใหม่ หลังจากนั้นพ่อเมืองเชียงใหม่จับตัวไปที่คุกวัดโพธิ์ กรุงเทพฯ ในระหว่างที่อยู่ในคุก เขาได้ศึกษาวิธีการดูยาอุบากองเพื่อวางแผนการหลบหนี และสอนนักโทษคนอื่นในคุกว่าดูยามอุบากองอย่างไร เมื่อฤกษ์ที่เขาดูไว้มีผลให้เขาและบรรพบุรุษบางคนสามารถหลบหนีได้สำเร็จ ยามอุบากองดังทั่วในวงกว้างของนักโทษพม่าที่มีสายเชื้อไทยที่ยังคงติดต่ออยู่ในคุก จนกระทั่งไปถึงหูของผู้ควบคุมนักโทษและบุคคลอื่น ๆ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ด้วยความแม่นยำและประสบการณ์ที่ได้ผล ยามอุบากองกลายเป็นนิยมในเรื่องของตำราและการคาดการณ์ เป็นที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อยามอุบากองตามชื่อของนายทหารนั้นเอง
ยามอุบากองมีกี่รูปแบบ
ยามอุบากองเป็นความรู้ที่มีความแพร่หลายตั้งแต่สมัยโบราณแบ่งเป็น 3 รูปแบบ คือ
- ยามอุบากองแบบใช้วัน-เวลา
- ยามอุบากองข้างขึ้น
- ยามอุบากองข้างแรม
ซึ่งเป็นตำราที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการเดินทางตามเวลา โดยรูปแบบหลังสองนี้จะอ้างอิงตามตำแหน่งดิถีของดวงจันทร์ ทำให้เห็นว่ายามอุบากองมีความเชื่อมโยงกับการคำนวณตามทัศนคติของคนในอดีต ไม่ใช่สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยไม่มีหลักฐานประวัติศาสตร์
ยามอุบากองตามความเชื่อฤกษ์ยามพม่าแหกคุกไทย
ยามอุบากองเกิดขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ในช่วงนั้นพระเจ้ากรุงอังวะของพม่าสั่งให้แม่ทัพใหญ่นำกองทัพมาหลายกองเพื่อตีเมืองเชียงใหม่ แต่พระเจ้ากาวิละ เจ้านครเชียงใหม่ ปกป้องเมืองไว้ได้ ทำให้กองทัพพม่าถอยไปล้อมเมืองไว้รอบๆ แต่ในที่สุดทหารไทยก็สามารถตีกองทัพพม่าได้ประสบความสำเร็จ และได้จับตัวแม่ทัพพม่าคนหนึ่งมาเป็นเชลยศึก โดยระหว่างที่ให้ทุกคนถอดเสื้อรวมตัวกัน สังเกตเห็นยันต์บนแผงอกของแม่ทัพพม่า
ซึ่งลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า แบ่งออกเป็นช่องต่างๆ ทำให้รู้ว่าแม่ทัพคนนี้มีชื่อว่า “อุบากอง” เขาได้คิดยันต์นี้ขึ้นมา จึงถูกสั่งให้ลอกยันต์พร้อมแปลเป็นภาษาไทย นอกจากนี้อุบากองยังอ้างว่าเป็นคนไทยที่ถูกพม่ากวาดต้อนไปเป็นเชลยศึกพร้อมกับบิดา เมื่อครั้งที่กรุงศรีอยุธยาถูกทำลายครั้งที่ 2 เขาถูกส่งตัวไปสอบสวนที่พระนคร พบว่ามีญาติที่เป็นคนไทยอยู่จริง อุบากองจึงเผยเรื่องราชการของกรุงอังวะพร้อมได้รับพระราชทานทรัพย์เพื่อไปตั้งตัว ทำให้ยันต์อุบากองเริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวไทยตั้งแต่นั้น
ภายหลังอุบากองอวดอ้างฤทธิ์ ทำให้ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นผู้มีคาถาอาคม จนถูกบูชาเป็นผู้วิเศษ ถูกจับคุมขังที่คุกวัดโพธิ์ แต่ปรากฏว่าเขาสามารถสะเดาะโซ่ตรวน และหลบหนีกลับพม่าได้ ทำให้มีเสียงเล่าลือว่ายันต์อุบากองมีความศักดิ์สิทธิ์ ใช้ตรวจจับดูฤกษ์ยามได้ คนไทยโบราณจึงยึดถือยามอุบากองเป็นศาสตร์ทำนายในการเดินทาง และส่งต่อความเชื่อจากรุ่นสู่รุ่นจนถึงปัจจุบัน
ความหมายของสัญลักษณ์บนยันต์อุบากอง
“ยันต์อุบากอง” หรือ “ยันต์พม่าแหกคุก” มีลักษณะเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมที่ถูกแบ่งออกเป็นช่อง ๆ แต่ละช่องจะประกอบด้วยสัญลักษณ์จุดวงกลมและกากบาท ซึ่งมีความหมายดังนี้
- ศูนย์หนึ่งอย่าพึ่งจร แม้ราญรอนจะอัปรา
- สองศูนย์เร่งยาตรา จะมีลาภสวัสดี
- ปลอดศูนย์พูลสวัสดิ์ ภัยพิบัติลาภบ่มี
- กากบาทตัวอัปรีย์ แม้จรลีจะอัปรา
- สี่ศูนย์จะพูนผล แม้จรดลดีหนักหนา
- มีลาภล้นคณนา เร่งยาตราจะมีชัย
สรุป - วิธีดูยามอุบากอง
ยามอุบากองเป็นศาสตร์ทำนายที่มีลักษณะเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมและแบ่งเป็นช่อง ๆ โดยแต่ละช่องมีสัญลักษณ์จุดวงกลมและกากบาทที่มีความหมายหลากหลาย ศาสตร์นี้มีต้นกำเนิดในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก วงด้านของยามอุบากองมีสัญลักษณ์ที่ปรากฏต่าง ๆ ทำให้มีความหมายที่ลึกซึ้งและมีทิศทางทางจิตวิญญาณ เนื้อหาถูกสรุปเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจลักษณะและความสำคัญของ “ยามอุบากอง” และทำนายที่มีความหมายทางจิตวิญญาณและทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างถูกต้อง