เมื่อพูดถึงการได้รับมรดก ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่ดิน หรือทรัพย์สินอื่นๆ หลายคนมักตั้งคำถามว่า “ต้องเสียภาษีหรือไม่?” ในบทความนี้เราจะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับภาษีมรดก รวมถึงวิธีจัดการทรัพย์สินที่ได้รับมา เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและวางแผนได้อย่างถูกต้อง
ภาษีมรดกคืออะไร?
ภาษีมรดก เป็นภาษีที่เรียกเก็บจากผู้รับมรดกที่มีมูลค่ารวมสุทธิเกินกว่า 100 ล้านบาท กล่าวคือ หากมูลค่ารวมของมรดกไม่ถึง 100 ล้านบาท ผู้รับมรดกก็ไม่จำเป็นต้องเสียภาษีนี้ โดยภาษีมรดกถูกกำหนดขึ้นเพื่อสร้างความเป็นธรรมในสังคม และกระจายความมั่งคั่งได้อย่างเหมาะสม
ทรัพย์สินที่เข้าข่ายเสียภาษีมรดก
หากคุณได้รับมรดกประเภทใดประเภทหนึ่งที่มีมูลค่าสูงและตรงตามเกณฑ์ คุณอาจต้องเสียภาษีสำหรับทรัพย์สินดังต่อไปนี้:
-
- อสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้าน ที่ดิน คอนโด หรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับที่ดิน
- หลักทรัพย์ เช่น หุ้น พันธบัตร หรือหน่วยลงทุน
- เงินฝาก ทั้งในบัญชีธนาคารและสถาบันการเงินอื่นๆ
- ยานพาหนะที่มีหลักฐานทางทะเบียน เช่น รถยนต์ เรือ หรือเครื่องบิน
- ทรัพย์สินทางการเงินอื่นๆ เช่น กองทุนรวม หรือทรัพย์สินใหม่ที่อาจถูกเพิ่มเข้ามาในอนาคต
อัตราภาษีมรดกที่ต้องรู้
อัตราภาษีมรดกในประเทศไทยถูกกำหนดไว้เป็นอัตราคงที่ โดยจะแตกต่างกันตามความสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้มรดกและผู้รับมรดก ดังนี้:
-
- บุคคลทั่วไป
หากผู้รับมรดกไม่ได้มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับผู้ให้มรดก จะต้องเสียภาษีมรดกในอัตรา 10% ของมูลค่ามรดก - บุพการีหรือผู้สืบสันดาน
หากผู้รับมรดกเป็นญาติสายตรง เช่น พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย หรือบุตรหลาน จะได้รับสิทธิในการลดหย่อนภาษี เหลือเพียง 5% ของมูลค่ามรดก
- บุคคลทั่วไป
การคำนวณภาษีและอัตราภาษีสำหรับการรับมรดก
วิธีการคำนวณภาษี
-
- มูลค่ามรดกที่ได้รับทั้งหมด มูลค่าทรัพย์สินหรือมรดกทั้งหมดที่ได้รับ
ตัวอย่าง: XXX,XXX,XXX บาท - หักภาระหนี้สินที่ตกทอดจากการรับมรดก หนี้สินที่ผู้ให้มรดกมีอยู่และตกทอดมายังผู้รับมรดก
ตัวอย่าง: XXX,XXX,XXX บาท - หักมูลค่ามรดกที่ได้รับการยกเว้นภาษี มูลค่ามรดกที่ไม่ต้องเสียภาษี เช่น ส่วนที่ไม่เกิน 100 ล้านบาท
ตัวอย่าง: 100,000,000 บาท - มูลค่ามรดกที่ต้องเสียภาษี มูลค่าที่เหลือหลังจากหักส่วนที่ได้รับการยกเว้นและหนี้สิน
ตัวอย่าง: XXX,XXX,XXX บาท
- มูลค่ามรดกที่ได้รับทั้งหมด มูลค่าทรัพย์สินหรือมรดกทั้งหมดที่ได้รับ
เบี้ยปรับและเงินเพิ่มสำหรับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตาม
เบี้ยปรับ
-
- ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภายในกำหนดเวลา ต้องเสียเบี้ยปรับ 1 เท่าของภาษีที่ต้องชำระ
- ยื่นรายการภาษีไม่ครบถ้วนหรือไม่ตรงความจริง หากการยื่นรายการภาษีไม่ครบถ้วน อันเป็นเหตุให้จำนวนภาษีที่ต้องชำระขาดไป ต้องเสียเบี้ยปรับ 0.5 เท่าของภาษีที่ขาดไป
เงินเพิ่ม
- ไม่ชำระภาษีภายในกำหนดเวลา
-
- ต้องเสียเงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือน ของภาษีที่ต้องชำระ
-
- การคำนวณเงินเพิ่มเริ่มนับตั้งแต่วันพ้นกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการ จนถึงวันที่ยื่นแบบและชำระภาษี
-
- เงินเพิ่มที่คำนวณจะไม่เกินจำนวนภาษีที่ต้องชำระ
ตัวอย่าง:
-
- หากมรดกมีมูลค่า 150 ล้านบาท และผู้รับมรดกเป็นลูกหลานที่มีสิทธิลดหย่อน จะเสียภาษีเฉพาะส่วนที่เกิน 100 ล้านบาทในอัตรา 5%
-
- คิดเป็น: (150-100) x 5% = 2.5 ล้านบาท
กรณีที่ไม่ต้องเสียภาษีมรดก
สำหรับผู้ที่ได้รับมรดกประเภทบ้านหรือที่ดิน มูลค่ารวมของทรัพย์สินจะเป็นปัจจัยสำคัญ หากมูลค่ารวมของมรดกไม่ถึง 100 ล้านบาท คุณไม่จำเป็นต้องเสียภาษีมรดกในกรณีนี้
ตัวอย่างกรณี:
-
- หากได้รับที่ดินเปล่าขนาด 5 ไร่ โดยมีมูลค่าราคาประเมินจากกรมที่ดินรวม 50 ล้านบาท คุณไม่ต้องเสียภาษีมรดก เนื่องจากมูลค่ารวมไม่ถึงเกณฑ์ 100 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม หากคุณนำที่ดินดังกล่าวไปขายภายหลัง คุณอาจต้องเสียภาษีจากการขาย เช่น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และค่าธรรมเนียมการโอน
เอกสารและขั้นตอนที่จำเป็นในการจัดการมรดก
การรับมรดกเป็นบ้านหรือที่ดิน ต้องดำเนินการผ่านกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งจำเป็นต้องเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนเพื่อความสะดวกในขั้นตอนการดำเนินการ ได้แก่:
- โฉนดที่ดินหรือเอกสารสิทธิ
หลักฐานการครอบครองบ้านหรือที่ดินที่ระบุชื่อผู้ให้มรดก - หนังสือรับรองการเป็นทายาท
เอกสารจากศาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยืนยันความเป็นผู้รับมรดก - สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้าน
ของทั้งผู้ให้มรดกและผู้รับมรดก - แบบคำขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม
ใช้สำหรับดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดิน
- โฉนดที่ดินหรือเอกสารสิทธิ
นอกจากเอกสารแล้ว มรดกนั้นก่อนที่จะถูกแจกจ่ายให้ผู้มีสิทธิ์ ต้องมีแต่งตั้งผู้จัดการมรดก ซึ่งสามารถศึกษาเพิ่มจากบทความนี้ การแต่งตั้งผู้จัดการมรดกมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
หากไม่ได้ใช้ประโยชน์ที่ดินควรทำอย่างไร?
กรณีที่ได้รับมรดกเป็นที่ดินเปล่าหรือบ้านที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ควรพิจารณาวิธีการจัดการทรัพย์สินให้เกิดมูลค่า เช่น:
-
- การปล่อยเช่า
หากทรัพย์สินเป็นบ้านหรือที่ดินที่เหมาะแก่การพัฒนา คุณสามารถปล่อยเช่าเพื่อสร้างรายได้ระยะยาว - การขาย
หากไม่มีแผนการใช้ทรัพย์สินในอนาคต การขายทรัพย์สินเปลี่ยนเป็นเงินสดถือเป็นทางเลือกที่ดี โดยคุณสามารถใช้บริการสินเชื่อจากบริษัทที่น่าเชื่อถือ เช่น “เพื่อนแท้ เงินด่วน” ที่ให้วงเงินสูงสุดถึง 130% ของราคาประเมิน - การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
การปรับปรุงหรือพัฒนาที่ดินเปล่าให้กลายเป็นโครงการที่เพิ่มมูลค่า เช่น การสร้างบ้านขายหรือพัฒนาเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์
- การปล่อยเช่า
สรุป
การได้รับมรดกเป็นบ้านหรือที่ดิน มีความเกี่ยวข้องกับภาษีในหลายด้าน แต่ไม่ใช่ทุกกรณีที่ต้องเสียภาษี โดยเฉพาะหากมูลค่ารวมของทรัพย์สินไม่ถึง 100 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากทรัพย์สินมีมูลค่าเกินเกณฑ์ที่กำหนด คุณจำเป็นต้องเข้าใจและวางแผนเกี่ยวกับภาษีมรดกอย่างถูกต้อง
การจัดการทรัพย์สินมรดกอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การปล่อยเช่า การขาย หรือการพัฒนา จะช่วยเพิ่มมูลค่าและสร้างประโยชน์จากทรัพย์สินที่ได้รับมาได้อย่างเต็มที่