ต้องเสียภาษีอยู่ไหม? ถ้าได้มรดกเป็นบ้านหรือที่ดิน

ภาษีมรดก

    เมื่อพูดถึงการได้รับมรดก ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่ดิน หรือทรัพย์สินอื่นๆ หลายคนมักตั้งคำถามว่า “ต้องเสียภาษีหรือไม่?” ในบทความนี้เราจะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับภาษีมรดก รวมถึงวิธีจัดการทรัพย์สินที่ได้รับมา เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและวางแผนได้อย่างถูกต้อง 

ภาษีมรดกคืออะไร?

ภาษีมรดกคืออะไร?

    ภาษีมรดก เป็นภาษีที่เรียกเก็บจากผู้รับมรดกที่มีมูลค่ารวมสุทธิเกินกว่า 100 ล้านบาท กล่าวคือ หากมูลค่ารวมของมรดกไม่ถึง 100 ล้านบาท ผู้รับมรดกก็ไม่จำเป็นต้องเสียภาษีนี้ โดยภาษีมรดกถูกกำหนดขึ้นเพื่อสร้างความเป็นธรรมในสังคม และกระจายความมั่งคั่งได้อย่างเหมาะสม 

ทรัพย์สินที่เข้าข่ายเสียภาษีมรดก

หากคุณได้รับมรดกประเภทใดประเภทหนึ่งที่มีมูลค่าสูงและตรงตามเกณฑ์ คุณอาจต้องเสียภาษีสำหรับทรัพย์สินดังต่อไปนี้: 

    1. อสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้าน ที่ดิน คอนโด หรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับที่ดิน 
    2. หลักทรัพย์ เช่น หุ้น พันธบัตร หรือหน่วยลงทุน 
    3. เงินฝาก ทั้งในบัญชีธนาคารและสถาบันการเงินอื่นๆ 
    4. ยานพาหนะที่มีหลักฐานทางทะเบียน เช่น รถยนต์ เรือ หรือเครื่องบิน 
    5. ทรัพย์สินทางการเงินอื่นๆ เช่น กองทุนรวม หรือทรัพย์สินใหม่ที่อาจถูกเพิ่มเข้ามาในอนาคต 
อัตราภาษีมรดกที่ต้องรู้

อัตราภาษีมรดกที่ต้องรู้

อัตราภาษีมรดกในประเทศไทยถูกกำหนดไว้เป็นอัตราคงที่ โดยจะแตกต่างกันตามความสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้มรดกและผู้รับมรดก ดังนี้: 

    1. บุคคลทั่วไป 
      หากผู้รับมรดกไม่ได้มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับผู้ให้มรดก จะต้องเสียภาษีมรดกในอัตรา 10% ของมูลค่ามรดก 
    2. บุพการีหรือผู้สืบสันดาน 
      หากผู้รับมรดกเป็นญาติสายตรง เช่น พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย หรือบุตรหลาน จะได้รับสิทธิในการลดหย่อนภาษี เหลือเพียง 5% ของมูลค่ามรดก 
การคำนวณภาษีและอัตราภาษีสำหรับการรับมรดก

การคำนวณภาษีและอัตราภาษีสำหรับการรับมรดก

อัตราภาษีมรดก 

ผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีมรดกต้องคำนวณและชำระภาษีในอัตรา 10% ของมูลค่ามรดก ที่ต้องเสียภาษี แต่สำหรับผู้ที่เป็น บุพการี (เช่น พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย) หรือ ผู้สืบสันดาน (เช่น บุตรหลาน) จะได้รับสิทธิลดหย่อน โดยเสียภาษีในอัตราเพียง 5% ของมูลค่ามรดกสุทธิ ที่ต้องเสียภาษี 

วิธีการคำนวณภาษี

    1. มูลค่ามรดกที่ได้รับทั้งหมด มูลค่าทรัพย์สินหรือมรดกทั้งหมดที่ได้รับ 
      ตัวอย่าง: XXX,XXX,XXX บาท 
    2. หักภาระหนี้สินที่ตกทอดจากการรับมรดก หนี้สินที่ผู้ให้มรดกมีอยู่และตกทอดมายังผู้รับมรดก 
      ตัวอย่าง: XXX,XXX,XXX บาท 
    3. หักมูลค่ามรดกที่ได้รับการยกเว้นภาษี มูลค่ามรดกที่ไม่ต้องเสียภาษี เช่น ส่วนที่ไม่เกิน 100 ล้านบาท 
      ตัวอย่าง: 100,000,000 บาท 
    4. มูลค่ามรดกที่ต้องเสียภาษี มูลค่าที่เหลือหลังจากหักส่วนที่ได้รับการยกเว้นและหนี้สิน 
      ตัวอย่าง: XXX,XXX,XXX บาท 

เบี้ยปรับและเงินเพิ่มสำหรับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตาม

เบี้ยปรับ

    1. ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภายในกำหนดเวลา ต้องเสียเบี้ยปรับ 1 เท่าของภาษีที่ต้องชำระ 
    2. ยื่นรายการภาษีไม่ครบถ้วนหรือไม่ตรงความจริง หากการยื่นรายการภาษีไม่ครบถ้วน อันเป็นเหตุให้จำนวนภาษีที่ต้องชำระขาดไป ต้องเสียเบี้ยปรับ 0.5 เท่าของภาษีที่ขาดไป 

เงินเพิ่ม

  1. ไม่ชำระภาษีภายในกำหนดเวลา 
    • ต้องเสียเงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือน ของภาษีที่ต้องชำระ 
    • การคำนวณเงินเพิ่มเริ่มนับตั้งแต่วันพ้นกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการ จนถึงวันที่ยื่นแบบและชำระภาษี 
    • เงินเพิ่มที่คำนวณจะไม่เกินจำนวนภาษีที่ต้องชำระ 

ตัวอย่าง: 

    • หากมรดกมีมูลค่า 150 ล้านบาท และผู้รับมรดกเป็นลูกหลานที่มีสิทธิลดหย่อน จะเสียภาษีเฉพาะส่วนที่เกิน 100 ล้านบาทในอัตรา 5% 
    • คิดเป็น: (150-100) x 5% = 2.5 ล้านบาท 
กรณีที่ไม่ต้องเสียภาษีมรดก

กรณีที่ไม่ต้องเสียภาษีมรดก

    สำหรับผู้ที่ได้รับมรดกประเภทบ้านหรือที่ดิน มูลค่ารวมของทรัพย์สินจะเป็นปัจจัยสำคัญ หากมูลค่ารวมของมรดกไม่ถึง 100 ล้านบาท คุณไม่จำเป็นต้องเสียภาษีมรดกในกรณีนี้ 

ตัวอย่างกรณี: 

    • หากได้รับที่ดินเปล่าขนาด 5 ไร่ โดยมีมูลค่าราคาประเมินจากกรมที่ดินรวม 50 ล้านบาท คุณไม่ต้องเสียภาษีมรดก เนื่องจากมูลค่ารวมไม่ถึงเกณฑ์ 100 ล้านบาท 

อย่างไรก็ตาม หากคุณนำที่ดินดังกล่าวไปขายภายหลัง คุณอาจต้องเสียภาษีจากการขาย เช่น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และค่าธรรมเนียมการโอน 

เอกสารและขั้นตอนที่จำเป็นในการจัดการมรดก

การรับมรดกเป็นบ้านหรือที่ดิน ต้องดำเนินการผ่านกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งจำเป็นต้องเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนเพื่อความสะดวกในขั้นตอนการดำเนินการ ได้แก่: 

    1. โฉนดที่ดินหรือเอกสารสิทธิ 
      หลักฐานการครอบครองบ้านหรือที่ดินที่ระบุชื่อผู้ให้มรดก 
    2. หนังสือรับรองการเป็นทายาท 
      เอกสารจากศาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยืนยันความเป็นผู้รับมรดก 
    3. สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้าน 
      ของทั้งผู้ให้มรดกและผู้รับมรดก 
    4. แบบคำขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม 
      ใช้สำหรับดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดิน 

นอกจากเอกสารแล้ว มรดกนั้นก่อนที่จะถูกแจกจ่ายให้ผู้มีสิทธิ์ ต้องมีแต่งตั้งผู้จัดการมรดก ซึ่งสามารถศึกษาเพิ่มจากบทความนี้ การแต่งตั้งผู้จัดการมรดกมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

หากไม่ได้ใช้ประโยชน์ที่ดินควรทำอย่างไร?

หากไม่ได้ใช้ประโยชน์ที่ดินควรทำอย่างไร?

กรณีที่ได้รับมรดกเป็นที่ดินเปล่าหรือบ้านที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ควรพิจารณาวิธีการจัดการทรัพย์สินให้เกิดมูลค่า เช่น: 

    1. การปล่อยเช่า 
      หากทรัพย์สินเป็นบ้านหรือที่ดินที่เหมาะแก่การพัฒนา คุณสามารถปล่อยเช่าเพื่อสร้างรายได้ระยะยาว 
    2. การขาย 
      หากไม่มีแผนการใช้ทรัพย์สินในอนาคต การขายทรัพย์สินเปลี่ยนเป็นเงินสดถือเป็นทางเลือกที่ดี โดยคุณสามารถใช้บริการสินเชื่อจากบริษัทที่น่าเชื่อถือ เช่น “เพื่อนแท้ เงินด่วน” ที่ให้วงเงินสูงสุดถึง 130% ของราคาประเมิน 
    3. การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 
      การปรับปรุงหรือพัฒนาที่ดินเปล่าให้กลายเป็นโครงการที่เพิ่มมูลค่า เช่น การสร้างบ้านขายหรือพัฒนาเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ 

สรุป

    การได้รับมรดกเป็นบ้านหรือที่ดิน มีความเกี่ยวข้องกับภาษีในหลายด้าน แต่ไม่ใช่ทุกกรณีที่ต้องเสียภาษี โดยเฉพาะหากมูลค่ารวมของทรัพย์สินไม่ถึง 100 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากทรัพย์สินมีมูลค่าเกินเกณฑ์ที่กำหนด คุณจำเป็นต้องเข้าใจและวางแผนเกี่ยวกับภาษีมรดกอย่างถูกต้อง 

    การจัดการทรัพย์สินมรดกอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การปล่อยเช่า การขาย หรือการพัฒนา จะช่วยเพิ่มมูลค่าและสร้างประโยชน์จากทรัพย์สินที่ได้รับมาได้อย่างเต็มที่ 

เพื่อนแท้ เงินด่วน

บทความยอดนิยม